Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

                       ขอเชิญเข้าชมข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติในต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด 


 

 สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น   สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น EmptySun May 22, 2011 11:08 am

สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น
ปีหนึ่งๆผ่านไปเร็วเหลือเกิน นี่ก็เกือบสิ้นปีการศึกษาอีกแล้ว เด็กๆชุมนุมรักนกเวียนกันมาถาม
“ครูครับ ปีนี้ไปดูนกที่ไหนกันครับ”
เออ ไปไหนดีวะนี่ เดือนเมษาที่ผ่านมาตอนพานักฟุตบอลไปแข่งขันรายการ Priminister รอบสุดท้ายที่เชียงใหม่ผ่านอุทัยธานีเห็นป้ายขนาดใหญ่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งตะหง่านคร่อมทางหลวง อ้ออยู่แถวนี้เองถิ่นของคุณสืบ นาคะเสถียร น่าสนใจ ผมวางแผนจะไปห้วยขาแข้งตั้งแต่บัดนั้น แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ต้องพักแผนนี้ไว้ก่อน ไม่พร้อมจะไปไกลขนาดนั้นว่างั้นเถอะ
น้ำตกเขาสิบห้าชั้น ผมเห็นชื่อนี้ครั้งแรกในคอลัมภ์ดูผีเสื้อกับน้าเกรียงนสพ.ข่าวสด อยู่จังหวัดจันทบุรีนี่เอง ผมเองถึงจะสอนอยู่ตราดแต่บ้านเกิดของผมอยู่จันทบุรี เขาสระบาปผมเที่ยวมาแทบทุกเหลี่ยมเขา ทั้งน้ำตกพลิ้ว น้ำตกตรอกนอง น้ำตกคลองนารายณ์ น้ำตกมะกอก อ่างเก็บน้ำบ้านอ่าง ข้ามไปเขาสอยดาว 10 ปีหลังนี่ผมไปทุกปีน้ำตกชั้น 16 สูงสุดก็บุกขึ้นไปถึงมาแล้วหลายครั้ง น้ำตกกระทิงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎก็หลายครั้ง แต่น้ำตกเขาสิบห้าชั้นเพิ่งเคยเห็นชื่อ
เอ น่าลองไปดู เข้าอินเตอร์เน็ตหารายละเอียดได้มาพอสมควร รู้ว่าอยู่ตำบลขุนซ่อง อำเภอแก่งหางแมว เป็นผืนป่าติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสองแห่งคือเขาสอยดาวและเขาอ่างฤาไน โดยเฉพาะสำคัญที่สุดได้เบอร์โทร.ติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ไปถึงแน่งานนี้
ผมเขียนโครงการขออนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งไม่มีปัญหาเพราะชุมนุมของผมอยู่ในแผนปฏิบัติการของโรงเรียนอยู่แล้ว
16 กุมภาพันธ์ 2550 สมาชิกหน้าเก่าๆโดยเฉพาะเจ้าต้น เจ้าเล็ก เจ้ามิว ดูนกและเป็นนักฟุตบอลของผมมาตั้งแต่อยู่ชั้นป.5ปีนี้ม.3แล้ว สิ้นปีการศึกษาก็จะจบจากโรงเรียน(ผมกะว่าจะร้องไห้คิดถึงพวกมันนะนี่วันที่พวกมันจากไป) อีซูซุคันเก่า ครูเก่าๆอีก 2 คน ลูกครูคนเก่าอีกหนึ่ง รวมทั้งสิ้น 14 ชีวิตก็เคลื่อนออกจากโรงเรียนราวๆ 8 โมงเช้า
เราใช้เส้นทางสายเขื่อนคีรีธารพาออกทางหลวงสายจันทบุรี-สระแก้วตรงบ้านอกพกอำเภอมะขาม ก่อนถึงตัวอำเภอมะขามเป็นสามแยกใหญ่ ขวามือไปอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎและพระบาทพลวง เราต้องใช้เส้นทางสายนี้วิ่งตรงไปเข้าตำบลขุนซ่อง อำเภอแก่งหางแมว
ผมขับรถผ่านทางแยกไปก่อนเพื่อเข้าตลาดอำเภอมะขามหาซื้อเสบียงสำหรับการใช้ชีวิตในป่าที่ไม่เคยรู้จักสามวันสองคืน เจ้าบรรพตพ่อครัวใหญ่เจ้าเก่าจากป่าแก่งกระจานและป่าปางสีดาจัดการหาซื้อตามเคย ผมแวะคุยกับแม่ค้าบางคนซึ่งเป็นญาติ อ้อ มะขามนี่แหละบ้านเกิดของผมเองตอนเด็กๆผมก็กินนอนอยู่ในตลาดแห่งนี้เพราะแม่ผมเป็นแม่ค้าขายของอยู่ในตลาด จากนั้นขับรถกลับมาเข้าสู่เส้นทางที่ว่ามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง น้ำตกเขาสิบห้าชั้น
เลยทางเข้าพระบาทพลวงน้ำตกกระทิงมาแล้วผมก็ไม่เคยรู้จักเส้นทางข้างหน้าที่วิ่งไปนั่นเลย อาศัยป้ายบอกทางบ้างจอดรถถามเขาบ้าง เลยป้ายเขตตำบลขุนซ่องมานานจนชักสงสัยว่าหลงหรือเปล่าผมก็มาถึงสามแยก ด้านซ้ายป้ายบอกไปอำเภอแก่งหางแมว ด้านขวาป้ายบอกไปตำบลขุนซ่อง ตอนนี้เองที่ใช้เบอร์โทร.ของอุทยานให้เป็นประโยชน์ สรุปว่าเลี้ยวขวา
เลยตลาดขุนซ่องไปอีกพักหนึ่งจึงมีป้ายขวามือบอกทางเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกเขาสิบห้าชั้น จากนั้นใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงที่ทำการชั่วคราวของอุทยาน สภาพชั่วคราวจริงๆ บ้านพักและศาลาต่างๆฝากั้นด้วยไม้ระกำ หลังคามุงหญ้าคา อาคารสำนักงานดีกว่าที่อื่นหน่อยตรงมุงกระเบื้องแต่ก็กั้นฝาด้วยไม้ระกำเหมือนกัน
รอบๆบริเวณที่ทำการชั่วคราวเป็นป่ากำลังฟื้นตัว มีไม้เบิกนำและไม้ที่ปลูกทดแทน ไม้เด่นคืองิ้วที่กำลังออกดอกเต็มต้น บางต้นมีทั้งดอกและผลแก่ นกกินน้ำหวานเช่นนกกินปลีและนกแซงแซวหงอนขนลงกินกันตลอดเวลาที่ดูอยู่
แนะนำตัวกับผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานและขอรายละเอียดของอุทยาน ได้โบว์ชัวร์มาสองสามแผ่นเราก็ลาผู้ช่วยขับรถมุ่งไปสู่ลานกางเต็นท์น้ำตกเขาสิบห้าชั้นซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 5 กม.ซึ่งเส้นทางไม่ใช่ราดยางอีกต่อไป
เส้นทางเหมือนกับแค่ใช้รถไถเปิดหน้าดินไว้ให้รู้ว่าทางนะนี่ ฝุ่นฟุ้ง หินลอย รากไม้และกิ่งไม้ข้างทางที่คอยขูดขีดข้างรถคืออุปสรรคที่ผมต้องขับรถฝ่าไป รวมทั้งข้ามลำธารตลิ่งค่อนข้างสูงถึงสี่ครั้ง ความจริงเป็นลำธารสายเดียวกันแต่ไหลคดเคี้ยวตัดผ่านเส้นทางสี่แห่ง เนินบางเนินสูงจนต้องเร่งเครื่องยนต์เสียงดังสนั่นป่า โดยเฉพาะเนินสุดท้ายที่ขึ้นสู่ลานกางเต็นท์สูงชันขนาดต้องให้สมาชิกบนรถลงทั้งหมดรวมทั้งผมด้วยเปลี่ยนให้ครูนิวรณ์ขับขึ้นคนเดียว ผมเองไม่กล้าขับเพราะเวลาเร่งเครื่องมากๆแล้วสงสารรถคู่ยาก
ขึ้นไปได้แล้วบนเนินนั้นคือปลายสุดของเส้นทางที่รถทุกชนิดไม่สามารถไปต่อได้อีก ลงเนินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งสูงพอกันเป็นลำธารน้ำตกเขาสิบห้าชั้นนั่นเอง ลานกางเต็นท์และห้องส้วมอยู่ด้านขวามือไกลน้ำออกไปอีก พวกเราตัดสินใจกางเต็นท์กันข้างถนนนั่นเองใกล้น้ำหน่อย แต่สมาชิกวัย 15 เต็มๆพวกนั้นต้องช่วยกันใช้ถังไปแบกน้ำขึ้นมาใส่ห้องส้วมระยะทางทั้งไกลทั้งสูงชันราวๆ 50 เมตร เห็นแล้วผมรู้สึกประทับใจในความสามัคคีของพวกทโมนพวกนี้ ในความกวนๆของแต่ละคนยามต้องช่วยกันทำงานไม่มีเสียงเกี่ยงกันให้ได้ยินเลย
หลังจากกางเต็นท์ เตรียมที่หุงหาอาหาร ดูแลความพร้อมของห้องส้วมเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มกิจกรรมดูนกกันอย่างจริงจัง ด้วยแต่ละคนดูนกกันมาพอตัวจึงไม่ต้องเป็นห่วงใคร แยกกลุ่มแบ่งกล้องกันไปตามใจชอบ มีน้องใหม่อยู่สองคนเป็นเด็กป.6ซึ่งผมพามาเตรียมตัวเป็นเด็กชุมนุมรักนกรุ่นใหม่เมื่อขึ้นม.1ปีการศึกษาหน้าในอีกไม่กี่เดือนนี้ คือลุงเจิด บรรเจิด เพ็ญวงษ์ และเจ้าเมฆ ชาญชัย ซึ่งทั้งคู่เดินตามรุ่นพี่ได้ทุกคนเพราะอยู่โรงเรียนก็ซ้อมฟุตบอลด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว ผมเดินลงเนินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิมดูนกไปเรื่อยๆ
ได้นกพื้นๆริมข้างทาง ปรอดเหลืองหัวจุก เขียวคราม จับแมลงจุกดำ โพระดกหน้าผากดำ เป็นสี่ชนิดแรกที่เริ่มบันทึก เจ้าชุดที่ยังปักหลักอยู่แถวๆที่พักวิ่งมาตามบอกว่าเจอพญาปากกว้าง เฮ้ย อะไรจะง่ายขนาดนั้น ผมวิ่งย้อนกลับมาเห็นชุดนั้นซึ่งมีครูนิวรณ์อยู่ด้วยอยู่ตรงเนินขึ้นสู่ที่พักนั่นเองกำลังส่องกล้องเข้าไปชายป่าข้างทาง ผมยกกล้องขึ้นดู โอ้โฮ นกใหม่ของผมและสมาชิกชุมนุมเสียด้วย
“พญาปากกว้างอะไรครับครู”
“ลายเหลือง” ผมตอบโดยไม่ต้องคิดมาก ก็ลายเหลืองบนหลังมันฟ้องชื่ออยู่แล้ว
ผมตั้งสโคปด้วยความยุ่งยากเล็กน้อยเพราะเป็นเนินสูง ต้องหดขาตั้งกล้องด้านสูงช่วย ใจก็ลุ้นไปด้วยว่าอย่าเพิ่งบินหนีนะพ่อดาราใหญ่ ปากก็บอกให้คนที่เห็นก่อนเพื่อนวิ่งไปตามชุดเจ้ามิว เจ้าเล็ก ที่ไปไกลกว่าใครมาดูด้วยเดี๋ยวมันจะเสียดาย พญาปากกว้างลายเหลือง(Banded Broadbill)ตัวนั้นไม่ยักบินหนีแฮะ อยู่จนเห็นกันทุกคน ปากก็คาบแมลงกินโชว์อีกต่างหาก จนชุดเจ้ามิววิ่งหน้าตั้งมาดูทัน
หลังจากเจ้าลายเหลืองจากไปแล้วเราก็แยกกลุ่มกันอีก แต่ทุกกลุ่มก็ยึดเส้นทางรถเป็นหลักมีแวะลงลำธารข้างทางบ้างแอบดูนกอาบน้ำ เขียวคราม(Asian Fairy Bluebird)เป็นนกที่เห็นและได้ยินเสียงบ่อยที่สุดในวันนี้ โพระดกหูเขียว เขียวก้านตองปีกสีฟ้า แซงแซวสีเทา เขาเปล้าธรรมดา เห็นได้ง่ายๆ นานๆครั้งก็ได้ยินเสียงของเจ้ากระทาดงแข้งเขียว และกินแมลงอกเหลือง ธรรมชาติสุดๆ
ค่ำคืน หลังอาหารเย็นที่มีเสียงของนกตบยุงยักษ์(Great Eared Nightjar)ร้องเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ ผมพาสมาชิกทั้งหมดออกเดินส่องสัตว์กลางคืน ตั้งใจว่าอย่างน้อยๆก็ต้องเจออีเห็นบนต้นไม้บ้างละ และก็หวังลึกๆว่าน่าจะได้เห็นหมีขอบนต้นไทร แต่เดินไปราวๆ 2 กิโลเมตรไม่เจออะไรเลยจึงกลับแยกย้ายกันไปนอน
เช้าวันที่สอง ผมตื่นออกมาดูนกตั้งแต่เช้าแถวๆลานกางเต็นท์ ขุนทอง ขมิ้นท้ายทอยดำ กินแมลงกระหม่อมแดง ปรอดทอง ทักทายตั้งแต่เช้า และแล้วบนกิ่งกระทุ่มบก(Anthocephatus chinensis (Lam.) A.Rich. ex Walp)เหนือหลังคาห้องส้วม นกหน้าตาแปลกๆปากกว้างใหญ่ตัวสีดำ ใช่แล้ว ไอ้ตัวนี้แหละที่ตอนไปแก่งกระจานเมื่อสองปีที่ผ่านมาทุกคนพลาดหมดยกเว้นเจ้าพรตพ่อครัวใหญ่คนเดียวที่เห็น เป็นเรื่องที่มันคุยข่มเพื่อนๆรวมทั้งผมด้วยมาจนถึงวันนี้ สิ้นสุดกันเสียทีเวลาที่ตามหา ผมเจอแล้วพญาปากกว้างสีดำ(Dusky Broadbill)เจอทีเดียวสองตัวเสียด้วย ผมทำสัญญาณเรียกเด็กที่อยู่ใกล้ๆให้ไปตามเพื่อนๆมาดู
มีเรื่องดีก็มีเรื่องร้าย ขาตั้งสโคปบริเวณหัวที่ใช้ล็อกกล้องแตกใช้การไม่ได้ ความจริงอายุการใช้งานก็นานแล้วละเกือบๆจะสิบปีแล้ว
อาหารเช้าเป็นข้าวต้มแดงเถือกทั้งหม้อ พ่อครัวใหญ่เล่นใส่กุ้งแห้งย้อมสีลงไป ตอนซื้อเสบียงผมก็ไม่ได้ดูด้วยไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ซื้อมาหรอกกุ้งแห้งแบบนี้ แต่ข้าวต้มทั้งหม้อก็หมดอย่างรวดเร็ว ขณะที่นั่งบ้างยืนบ้างกินกันอยู่เสียง”ปั่บ ปั่บ ปั่บ”ก็ดังขึ้นเหนือหัว เจ้าเงือกกรามช้าง(Wreathed Hornbill)ตัวเดียวโดดๆบินผ่านไปอย่างไม่เร่งรีบไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองอยู่เบื้องล่าง
จากนั้นเราก็แยกกลุ่มกันอีกตามความพอใจ ผมกับสมาชิกชุมนุมส่วนหนึ่งเดินย้อนมาทางเส้นทางที่จะกลับไปสำนักงานอุทยาน เราเดินดูนก ผีเสื้อไปเรื่อยๆไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนอะไรเหนื่อยก็พัก จนถึงลำธารแรกก็เหลือผม เจ้าตั้ม เจ้าเมฆ ยังไม่ยอมหมดแรงเดินฝ่าแดดเข้าสู่ทุ่งหญ้าขวามือ ตามเส้นทางฝุ่นผสมทรายเจอรอยเท้าสัตว์น่าจะเป็นจำพวกชะมดอีเห็นเปรอะไปหมด ริมทุ่งหญ้ามีต้นงิ้วหลายต้นที่มีนกลงหาน้ำหวานจากเกสร นกฝูงหนึ่งราวสิบตัวทำให้ผมหยุดดูด้วยความสนใจ นกแก้วแน่ๆแต่ไม่รู้ว่าชนิดไหน เจ้าตั้มยกสโคปส่องดูเอาดื้อๆทั้งที่ไม่มีขาตั้งแล้วก็สั่นหัวบอกว่าแยกไม่ออก ผมแย่งสโคปมาเดินตรงเข้าหาต้นไม้กลางทุ่งต้นหนึ่งประกบสโคปเข้ากับลำต้นในระดับสายตาช่วยลดการสั่นไหว ทั้งๆที่ดูไปด้วยทุเรศตัวเองไปด้วยกับการดูนกแบบจนๆของพวกผม ก็ยังอุตส่าห์จำแนกออกว่าฝูงนั้นคือนกแขกเต้า(Red-breasted Parakeet)
ข้ามทุ่งหญ้าไปอีกฝั่งหนึ่งพบโป่งดินซึ่งน่าจะเป็นโป่งเทียมที่ทางอุทยานทำขึ้น ด้วยรูปทรงออกสี่เหลี่ยมไม่เหมือนธรรมชาติและผมเคยดูทีวีรายการเนวิเกเตอร์ตอนที่ติ๊กเจษฎาภรณ์มาทำโป่งเทียมที่เขาสิบห้าชั้นนี่ด้วย แต่ถึงจะเป็นโป่งเทียมก็ยังมีรอยสัตว์ลงกินหลายชนิดโดนเฉพาะช้าง เจ้าแขกเต้าฝูงนั้นก็คงลงกินด้วย มอเตอร์ไซค์หลายคันเร่งเครื่องดังลั่นตามหลังมาทำให้ผมเปลี่ยนใจเดินกลับดีกว่า
กลับมาบริเวณที่พักระหว่างรออาหารกลางวันมอเตอร์ไซค์กลุ่มเดิมตามมาคงจะมาตั้งวงเหล้ามากกว่าเล่นน้ำตก คนหนึ่งเดินโงนเงนสภาพน่าจะเมาอย่างอื่นมากกว่าเมาเหล้ามาขอไฟจุดบุหรี่ ชะชะมองผมเป็นคนสูบบุหรี่ได้อย่างไรกันวะ เลยไล่ให้ไปจุดกับกองไฟที่หุงข้าว เจ้าพรตส่งฟืนติดไฟให้ดุ้นหนึ่ง เสร็จแล้วพ่อเจ้าประคุณก็เดินมาคุยกับผมโม้อะไรไปตามเรื่อง มีขู่อีกต่างหากผมไม่ได้นึกกลัวเลย โธ่มากันสี่ห้าคนเมาอีกต่างหากพวกผมสิบสี่คนนักกีฬาล้วนๆ ฮะฮ้าลองซ่าดูหน่อยเถอะ
ที่น่าเป็นห่วงก็มีเหมือนกันแต่ไม่ใช่พวกผม เป็นครอบครัวหนึ่งมากับซูซูกิคาริเบียนประกอบด้วยพ่อแม่วัยหนุ่มสาว ลูกสาวหนึ่งลูกชายหนึ่งวัยไม่เกินประถมศึกษา และปู่หรือตาแก่ๆอีกหนึ่งพากันไปเล่นน้ำที่ใกล้ๆกับวงเหล้าของเจ้าพวกนั้นนั่นเอง ดีที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พอพวกเขากลับขึ้นมามีโอกาสคุยกันผมเตือนเขาว่าไม่น่าจะเสี่ยงมากันเลยที่นี่เปลี่ยวเกินไป
บ่ายมากพอสมควรผู้คนกลับไปหมดแล้วเหลือแต่พวกผมตามลำพัง ผมใช้เวลาร้อนๆอย่างนี้หาดูผีเสื้อซึ่งมีไม่มากนัก แต่ก็ได้ผีเสื้อแพนซีมาถึงสามชนิด คือแพนซีมยุรา แพนซีฟ้า และแพนซีเทา เห็นบ่อยกว่าเพื่อนก็คือผีเสื้อพเนจร ชุดเจ้าพรต เจ้ามิว เจ้าเล็กและอีกสองสามคนหอบแฮ่กกลับมา
“ไปไหนมากัน”
“น้ำตกครับ”
“ชั้นที่เท่าไร”
“ไม่รู้ครับแต่ไกลมาก”
ผมเอาบ้างไหนๆมาน้ำตกทั้งทีไม่เห็นเลยแม้แต่ชั้นที่หนึ่งก็แลยังไงๆอยู่ ขี้เกียจชวนใครเลยลุยไปคนเดียวหวังว่าความเงียบจะช่วยให้ได้เจอนกใหม่ๆบ้าง แต่เลยน้ำตกชั้นที่หนึ่งไปไกลมากแล้วไม่รู้ว่าถึงชั้นไหนเพราะแต่ละชั้นไม่สูงมากนักและน้ำก็ไม่มาก พบเจ้าจับแมลงหัวเทา(Grey-headed Canacy Flycatcher)เล่นน้ำอยู่ตัวเดียว ส่งเสียงร้องลั่นอีกต่างหาก เมื่อเจอเด็กวัยรุ่นวัยเรียนสี่ห้าคนไม่รู้มาจากไหนเดินแซงขึ้นไปแถมคุยกันเสียงดังผมเลยตัดสินใจกลับ
ความจริงเย็นนี้ผมอยากย้ายไปนอนริมทุ่งหญ้าที่พบนกแขกเต้าเพื่อดูสัตว์กลางคืนที่ทุ่งหญ้า แต่นึกอีกทีขี้เกียจย้ายเต็นท์เลยตัดสินใจนอนที่เดิม ด้วยความที่ค่อนข้างเพลียจากการลุยมาทั้งวันเลยนอนกันเร็วหน่อย ไม่ค่อยมีเสียงคุยดังลั่นอย่างคืนแรก
เช้าวันสุดท้ายของทริป ผมลุกไปส่องนกบริเวณห้องส้วมเหมือนเมื่อวานหวังจะเจอพญาปากกว้างสีดำอีกแต่ไม่พบ ถึงอย่างไรก็ยังคุ้มเมื่อแซวสวรรค์(Asian Paradise Flycatcher)โผล่มาให้เห็นตัวหนึ่ง ก็ยังดีแม้จะเป็นตัวเมียก็ตาม ทีแรกผมสับสนว่าจะเป็นจับแมลงจุกดำตัวเมียหรือเปล่าเห็นตอนแรกใบไม้และเถาวัลย์เกะกะตาด้วย แต่เมื่อเล็งที่ปากก็สรุปได้เลยปากหนางุ้มอย่างนั้น
หลังอาหารเช้าเก็บกวาดที่พักเรียบร้อยแล้วรถคู่ยากก็ลุยกลับ อุปสรรคสำคัญคือขากลับตลิ่งลำธารค่อนข้างสูง ดิ้นอยู่พักใหญ่และช่วยกันเข็นอยู่หลายเที่ยวที่ลำธาร 3 รอดมาได้ มาเจอลำธาร 2 ตลิ่งไม่สูงเท่าแต่มีหินใหญ่อยู่กลางน้ำที่รถต้องวิ่งคร่อม ผลปรากฏว่าผ่านมาได้แต่ด้วยความที่บรรทุกหนักท้ายรถจึงกระแทกเข้ากับหินก้อนนั้น พังนะซิจะไปเหลืออะไร โธ่ไอ้เพื่อนยาก
ทุลักทุเลกลับมาถึงสำนักงานอุทยาน แวะคุยกับผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานครู่หนึ่ง ผมเดินเก็บเมล็ดดอกงิ้วจะเอาไปเพาะเพื่อปลูกที่น้ำตกธารหินดาษถิ่นของผม บ่ายๆทั้งสิบสี่ชีวิตก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ยกเว้นขาตั้งสโคปกับท้ายรถอีซูซุไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
.............................................
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
 
สนุก สุข เศร้า เขาสิบห้าชั้น
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
 :: บันทึกการเดินทาง-
ไปที่: