ขอเชิญเข้าชมข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติในต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด |
| | ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส | |
| | ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Tue Apr 02, 2013 10:54 pm | |
| ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ระยะทาง ๖๐๐ กิโลเมตรจากตะวันออกสุดของประเทศไทยไปสู่ตะวันตก เริ่มจากโรงเรียนบ้านหนองบอน ตำบลหนองบอน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ๐๑.๓๐ น.วีโก้โฟว์วิลด์แค็ปสีดำพา ๑๔ ชีวิตอัดแน่นรวมทั้งสัมภาระ ผ่านเขื่อนคีรีธารออกถนนสายจันทบุรี-สระแก้วตรงบ้านอกพก เลี้ยวขวาตรงไปสระแก้ว ไปสระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี และไปหยุดกินอาหารเช้าที่ปั้มใบจากชายเขตชัยนาทต่ออุทัยธานี ก่อนเดินทางกันต่อหลังจากอิ่มแล้ว จากถนนพหลโยธินเขตเมืองอุทัยธานี เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกไฟแดงซึ่งมีภูเขาสะแกกรังขวางอยู่ข้างหน้า มองไปบนหน้าผามีตัวอักษณขนาดใหญ่ว่า เมืองพระชนกจักรี เลี้ยวตามถนนหน้าภูเขาผ่านตัวเมืองอุทัยธานีไปสู่อำเภอหนองขาหย่าง และสุุดท้ายที่อำเภอลานสัก แยกซ้ายเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตามป้ายบอกว่า ๑๔ กิโลเมตร วิ่งฝ่าฝุ่นเข้าไปจนถึงด่านเก็บเงินลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วรออยู่พักใหญ่ เพราะผมทำเรื่องขออนุญาตเข้าเขตฯไปตามกำหนดเวลาแล้วแต่หนังสือตอบรับยังมาไม่ถึง สุดท้ายก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ รถวิ่งฝ่าฝุ่นและความร้อนที่สองข้างทางเป็นป่าเต็งรังหาความร่มรื่นไม่เจอไปถึงอีกด่านหนึ่งซึ่งเป็นด่านเข้าสู่บริเวณที่เปิดบริการ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริเวณนี้ได้ เป็นเขตที่พักนักท่องเที่ยวมีลานกางเต็นท์ ค่ายพักเยาวชน อาคารนิทรรศการ เลยไปจะเป็นห้วยทับเสลากั้นเขตถัดไปซึ่งเป็นเขตสำนักงาน ที่พักเจ้าหน้าที่ และบ้านพักรวมทั้งอนุสาวรีย์สืบ นาคะเสถียร เจอเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยแล้วบอกให้ทำอาหารกลางวันกินกันก่อน โดยชี้ให้ไปทำที่อาคารซ้ายมือ(ถ้าหันหลังให้ทิศทางที่เข้ามา) พวกเราก็เชื่อฟังแต่โดยดีเพราะไม่รู้มาก่อน น้ำก็ไม่มีให้ใช้ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่คนใหม่มาพูดคุยด้วย รู้ทีหลังว่าชื่อคุณสมหวัง ผู้วิเศษ มาถึงก็บอกให้ย้ายไปที่ลานกางเต็นท์ที่อยู่ขวามือราวๆ ๒๐๐ เมตร บอกว่าที่นั่นมีพร้อมทุกอย่าง อ้าว..แล้วคนแรกมาบอกให้ทำตรงนี้ทำไมวะ เอาแล้วไงการต้อนรับตั้งแต่ก้าวแรก เราย้ายไปโดยที่หม้อหุงข้าวยังตั้งอยู่ที่เดิม ก็ข้าวยังไม่สุกจะย้ายหม้อไปได้อย่างไรล่ะวุ้ย ไปถึงลานกางเต็นท์ ซ้ายมือเป็นอาคารประชาสัมพันธ์และนันทนาการ ขวามือเป็นอาคารนิทรรศการ เลยไปเป็นบ้านพักนักวิจัยหลายหลังอยู่ริมลำห้วยทับเสลา ได้แล้วที่นอนที่กิน เจ้าหน้าที่คนที่อยู่ที่นี่เป็นคนเดียวที่ผมโทรติดต่อด้วย ก็พูดจาแนะนำดีแต่ทะแม่งๆไปในแนวขู่ยังไงไม่รู้ ข้อห้ามเยอะจัง บรรยากาศเป็นมิตรมันไม่เหมือนหลายแห่งที่ผมเคยผ่านมา ไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะแต่ความรู้สึกผมมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่เขาพยายามบอกกับผมว่ามันไม่เหมือนอุทยานแห่งชาติ ผมรู้ครับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ ผมไปติดต่อกัน ๕ ปี อ่างฤาไนไปสองปีติดเพราะประทับใจ(นอนที่หน่วยจัดการต้นน้ำภูไท) ครูนิวรณ์ขับรถไปรับทวีพ่อครัวใหญ่และหม้อข้าวกับข้าวต่างๆจากอาคารแรกกลับมานั่งกินกันที่อาคารนันทนาการแห่งนี้ หลังจากนั้นก็เริ่มออกดูนกรอบๆบริเวณ นกที่พบเป็นนกพื้นๆที่พวกเราพบเห็นกันบ่อยๆแถวบ้าน แต่เจ้าชนิดที่สร้างความแปลกใจที่พบบ่อยขณะที่ที่หนองบอนบ้านพวกเราเป็นนกหายากมานานแล้ว นกลุมพู(Green Imperial Pigeon) นกสวยและเป็นนกใหม่ของพวกเราอีกชนิดหนึ่งที่เห็นบ่อยคือขมิ้นหัวดำใหญ่ Black-hooded Oriole หัวดำตัดกับสีเหลืองสดของลำตัวจำแนกได้ง่ายมาก และยืนยันการเป็นนกประจำถิ่นด้วยการกำลังทำรังเพื่อวางไข่ใกล้ๆทางเดินจากลานกางเต็นท์ อีกตัวหนึ่งซึ่งใช้เวลาตามหานานมากสำหรับผมมาเจอที่นี่เองคือนกกะลิงเขียด Rufous Treepie ซึ่งปัจจุบันมีชื่อเรียกต่อท้ายมาอีกเป็นกะลิงเขียดสีน้ำตาล จากลานกางเต็นท์พวกเราเดินดูนกย้อนกลับมาทางเดิมจนถึงบริเวณอาคารที่ลงหุงหาอาหารครั้งแรก ชึ่งด้านหน้าอาคารเป็นลานจอดรถด้วย มีนกหลายชนิดให้ดูกัน ขวามือเป็นเส้นทางตรงไปอีกฝั่งหนึ่งของลำห้วยทับเสลา มีสะพานสลิงแขวนสำหรับการเดินข้ามและแข็งแรงพอที่จักรยานยนต์จะวิ่งผ่านได้ ด้านล่างเป็นทางรถยนต์วิ่งข้ามลำห้วยตื้นๆได้ น้ำในลำห้วยใสสะอาดพื้นเป็นทรายและหินมีหาดทรายเป็นช่วงๆริมน้ำ ผมกับเด็กๆมายืนดูนกบนสะพานแขวน สังเกตเห็นนกหลายชนิดลงเล่นน้ำในลำห้วย ที่เห็นชัดเจนเพราะมีขนาดใหญ่คือนกขุนแผน Red-billed Blue Magpie นกวงศ์กาที่มีสีสวยสดพวกนี้ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆเท่าไรเพราะสมัยไปภูเขียวเห็นกันจนชินตา ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ฝั่งนี้มีอาคารสำนักงานเขตฯ บ้านพักเจ้าหน้าที่ และร้านอาหารตามสั่ง ก่อนถึงมีสนามหญ้าค่อนข้างใหญ่ขวางอยู่ ขวามือของสำนักงานเขตฯเป็นจุดที่คนมาห้วยขาแข้งต้องมาชม คืออนุสรณ์สถาน สืบ นาคะเสถียร มองผ่านช่องเข้าไปจะเห็นรูปปั้นคุณสืบยืนอยู่ ใกล้ๆกันคือบ้านพักของคุณสืบที่ยังเก็บไว้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนสมัยคุณสืบยังมีชีวิตอยู่ สามารถมองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไปเห็นได้ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆยังอยู่ครบยกเว้นปืนกระบอกนั้นจากริมห้วยไปหาสำนักงานเขตมีสนามหญ้ากว้างกั้นกลางอยู่ริมสนามฝั่งขวาถัดจากสำนักงานเขตมา เป็นอนุสรณ์สถาน สืบ นาคะเสถียร รูปปั้นคุณสืบและบ้านพักคุณสืบในอดีตอยู่ตรงนี้
*ขอเวลาไปเรียบเรียงความทรงจำหน่อยนะครับ เดี๋ยวมาเขียนต่อ กลับมาแล้วงานในหน้าที่เยอะมากไม่มีเวลามาเขียน ทิ้งไปหลายวัน
แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Fri Apr 05, 2013 2:11 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
| | | kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Wed Apr 03, 2013 9:05 pm | |
| ข้อความต่อจากสีเหลืองคือตั้งแต่จากริมห้วยไปหาสำนักงานเขต ผมต้องการตัดออกแต่ทำไม่ได้ อ่านต่อตอนต่อไปครับ | |
| | | kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Thu Apr 04, 2013 1:07 am | |
| ใกล้กับอนุสรณ์สถาน สืบ นาคะเสถียร ไทรย้อยใบแหลมต้นใหญ่ต้นหนึ่งกำลังมีลูกสุก นกเขาเปล้าธรรมดา ขมิ้นหัวดำใหญ่ ปรอดชนิดต่างๆเพลิดเพลินกับซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่แห่งนี้ ใต้ต้นละองกับละมั่งและลูกน้อยฝูงเล็กๆนอนพักกันอยู่ ละองคือเพศผู้ละมั่งคือเพศเมียเป็นสัตว์ตระกูลกวาง ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติเมืองไทยแล้ว ที่นี่ได้จากการขยายพันธุ์โดยพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศในศูนย์เพาะพันธุ์แล้วนำมาปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ ผ่านไปทางสำนักงานเขตฯ เจ้าหน้าที่ชายท่านหนึ่งเดินลงมาพูดคุยด้วย อัธยาศัยไมตรีดีมาก ดูนกดูสัตว์ไปเรื่อยๆจนถึงร้านค้าสวัสดิการซึ่งมีอาหารตามสั่งขายด้วย เลยมีโอกาสใช้เงินกันบ้าง ที่สำคัญได้ซื้อน้ำดื่มมาเพิ่มเติม จากนั้นก็กลับที่พักลานกางเต็นท์เนื่องจากเย็นแล้ว ระเบียบของห้วยขาแข้งไม่อนุญาตให้ผู้เข้ามาท่องเที่ยวอยู่ฝั่งนี้ หลังอาหารค่ำตามโปรแกรมแล้วเราจะเดินส่องสัตว์รอบๆที่พัก แต่ก็โดนห้ามอย่างเด็ดขาดตั้งแต่กลางวันแล้ว อึดอัดชะมัด จะดูดาวก็ท้องฟ้าปิดด้วยมีเมฆมาก ไม่มีอะไรดีไปกว่านอน แล้วก็นอนฟังเสียงนกกลางคืนสัตว์กลางคืนรอบๆที่พักจนหลับไป เช้า ๑ มีนาคม ตื่นเช้าดูนกรอบๆที่พักจนถึงเวลาอาหารเช้า แย้สัตว์เลื้อยคลานสีสวยพวกเดียวกับกิ้งก่า มีอยู่มากในพื้นที่ที่เราพักกันอยู่ขณะกินอาหารเช้าก็ยังมีวิ่งเพ่นพ่านให้เห็นใกล้ๆ สายหน่อยคุณสมหวัง ผู้วิเศษ เจ้าหน้าที่สื่อความหมายธรรมชาติมาพบตามนัดหมายเพื่อพาไปศึกษาธรรมชาติที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติบ้านของเสือ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาภักดี เส้นทางบ้านของเสือจะมีระยะทางเพียง ๘๐๐ เมตร คืออ้อมด้านหลังของอาคารนิทรรศการเข้าไปในป่าเต็งรังแค่นั้น เป็นทางดินฝุ่นจึงเห็นรอยเท้าสัตว์ที่เหยียบไว้อย่างชัดเจน คุณสมหวังที่มีบุคลิกใจเย็นได้อธิบายรอยต่างๆเช่นอีเห็น ชะมด เก้ง กวาง ให้ฟัง แต่ไม่มีรอยเสือเลยไม่ว่าเสือใหญ่เสือเล็ก ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่า เสือมันจะมาทำไมแถวนี้ใกล้ที่อยู่ของคนเหลือเกิน เข้าเส้นทางบ้านของเสือแค่ครึ่งทางคุณสมหวังนะครับ เอ๊ย..สมหวัง ผู้วิเศษ แหมนามสกุลแกก็เด็ดขาดเหลือเกิน พาเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางเขาภักดี ป่าเต็งรังแสนจะแห้งแล้ง ผมจะอาการหนักกว่าเพื่อนเพราะเป็นคนขี้ร้อนและเหงื่อมากอยู่แล้ว กว่าจะถ่ายภาพอะไรในเส้นทางได้ต้องเช็ดเหงื่อกันให้วุ่น เส้นทางพาเดินสูงขึ้นตามสันเขา ทิวทัศน์ป่าเปลี่ยนสี คือจากสีเขียวเป็นเหลืองแดงและน้ำตาล ระหว่างทางพบต้นผักหวานป่าขนาดใหญ่ต้นหนึ่งใหญ่ชนิดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งๆที่ผมรู้จักต้นผักหวานป่ามาตั้งแต่เด็ก ระยะทาง ๓ กิโลเมตรจึงถึงยอดเขา ลมบนยอดเขาไม่ได้ช่วยให้คลายร้อนเท่าไรเลย "รู้มั้ย ทำไมชื่อเขาภักดี" คุณสมหวังถามแบบไม่เจาะจงคนถูกถาม และก็ตอบเองเมื่อไม่มีใครตอบ เพราะว่าพักน่ะดีกว่าเดินต่อไง แน่ะ มีมุข บนยอดเขาภักดีมองกลับไปทางลานกางเต็นท์ของเราจะเห็นเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านขวางหน้าอยู่ นั่นคือเขาหินแดง หลังเขาลูกนั้นคือส่วนที่เป็นป่าอย่างแท้จริง มีเส้นทางเข้าไปไปถึงหน่วยพิทักษ์ป่ากะปุกกะเปียงและสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ที่ผมอยากเข้าไปเห็นป่าส่วนนี้เหลือเกิน ลงจากเขาภักดีมา ซึ่งถ้าไม่มีคุณสมหวังนำ ผมก็มั่นใจว่าหลงทางแน่ เพราะป่าเต็งรังที่ผมไม่คุ้นเคยนี่มองไปรอบด้านก็เหมือนๆกันหมด กลับน่ะคงกลับได้หรอกเพราะยึดเขาหินแดงเป็นหลักได้ แต่กว่าจะออกมาได้คงเดินวกไปวนมาได้ระยะทางเพิ่มอีกเยอะเป็นแน่ อาจเป็นลมแดดหรือเป็นฮีทสโตรกอยู่กลางป่านั่นเอง ลงมาถึงเส้นทางบ้านของเสือที่เราแยกออกไปก่อนหน้านี้ เดินต่อไปใกล้ถึงทางออกคุณสมหวังทำสัญญาณให้ทุกคนเงียบบอกว่าอาจจะฟลุกเห็นสัตว์ที่โป่งบ้าง ผมก็ขำนึกในใจว่าแกคงอยากให้เด็กตื่นเต้นมั้ง โธ่..คนสิบกว่าคนเดินย่ำมาบนใบแห้งของเต็งรัง เสียงมันไปไกลเป็นร้อยเมตร สัตว์อะไรมันจะอยู่ให้โง่ สุดท้ายเราก็โผล่ออกไปบริเวณโป่งซับยา มีหอดูสัตว์ให้ปีนขึ้นไปดูสัตว์ บริเวณโป่งมีน้ำขังอยู่ขุ่นคลั่กแต่ยังมีนกลงกิน กินแล้วบินขึ้นไปเกาะบนยอดไม้ใกล้ๆ ส่องกล้องมองดูประทับใจมาก นกเขาใหญ่และนกพิราบป่าแถมตะขาบทุ่งด้วย กลุ้มวุ้ย จากโป่งซับยาเส้นทางจะพามาออกบริเวณบ้านพักนักวิจัยหลังสุดท้ายพอดี ขวามือเป็นลำน้ำห้วยทับเสลานกกะเต็นอกขาวเกาะโชว์อยู่ตัวหนึ่ง ถ้าไม่โดนขู่ว่าจะไล่ออกถ้าฝ่าฝืนพาเด็กส่องสัตว์กลางคืน ผมคงพาเด็กๆมานั่งซุ่มบนหอดูสัตว์แล้วละ ช่วงบ่ายต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามใจชอบ ผมกับเจ้าวีเดินจากลานกางเต็นท์ผ่านลานอะไรอย่างหนึ่งที่มีเสาไฟฟ้าเตี้ยๆประมาณเอวอยู่โดยรอบ เดาเอาว่าน่าจะเป็นลานที่ทำไว้สำหรับกิจกรรมยามค่ำคืน แต่ถูกทิ้งร้างไว้ เข้าป่าตามทางเดินเล็กๆไปทะลุลำห้วย ระหว่างทางเจอนกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ตัวหนึ่ง มุดออกไปโผล่ริมลำห้วย วัวแดงตัวหนึ่งเผ่นพรวดพราดจากการนอนริมน้ำวิ่งขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่ง เสียดายที่ไม่เห็นตัวมันก่อนไม่อย่างนั้นคงได้ภาพเพราะกล้องผมติดเลนท์ซูม ๗๐-๒๕๐ อยู่ด้วย อดเพราะความเซ่อแท้ๆ ริมลำห้วยนอกจากไคร้น้ำแล้วกุ่มน้ำเป็นพันธุ์ไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากกำลังออกดอกสวยงามด้วย เห็นกุ่มน้ำแล้วนึกถึงอดีตคู่หูเดินป่าหนองบอนของผม อิ๊ดวันชาติมือดองกุ่มน้ำแสนอร่อย นึกถึงน้ำพริกและปลาทูทอด เอื๊อก.. สองคนกับเจ้าวีลุยริมห้วยช่วงไหนน้ำลึกก็ขึ้นไปแหวกลุยป่าริมตลิ่ง ซึ่งแน่เสียยิ่งกว่าแน่ไม่พ้นโดนเห็บเล่นงาน ริมห้วยพบไก่ป่า กะเต็นใหญ่ธรรมดา กะรางสร้อยคอเล็ก เหี้ย เก้ง ละอง ละมั่ง สิ้นสุดการลุยเมื่อโผล่ที่หลังบ้านพักนักวิจัย เดินกลับลานกางเต็นท์ระหว่างทางเล่นเอาเถิดเจ้าล่อถ่ายดิจิสโคปกับเจ้าหัวขวานเล็กหงอนเหลือง แพ้มัน ไม่ได้ภาพที่ดีเลยสักภาพ ฝากไว้ก่อนเถอะ
แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Sun Apr 07, 2013 3:48 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
| | | kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Fri Apr 05, 2013 4:25 pm | |
| อุตส่าห์มาตั้งไกลจะมานั่งๆนอนๆเล่นที่ลานกางเต็นท์ก็ไม่คุ้ม เลยพากันเดินข้ามฝั่งไปชมบ้านคุณสืบ ไปถ่ายรูปกันแถวนี้จนเย็น นกหลายชนิดมีให้ชมตลอดเวลาเพราะมีไทรสุกอยู่ใกล้ๆเป็นนกที่พวกเราคุ้นเคยแทบทั้งนั้น บนบ้านคุณสืบซึ่งมีสองห้องเป็นห้องนอนและห้องทำงานยังเก็บไว้ในสภาพเดิมๆสมัยคุณสืบยังมีชีวิตอยู่ กล้องถ่ายรูป กล้องสองตา เครื่องพิมพ์ดีด เสื้อผ้า รองเท้าผ้าใบคู่ที่เหมือนกับที่เห็นจากอนุสาวรีย์ ทุกอย่างเก็บไว้ให้คนที่มาชมมองผ่านหน้าต่างกระจกเข้าไปเห็นได้ เพื่อระลึกถึงคนดีที่จากไปแต่เพียงร่างกาย ทิ้งผลงานที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ กลับมาที่พักหุงหาอาหาร ที่ล้างจานของอาคารประชาสัมพันธ์ต่อท่อน้ำทิ้งด้วยท่อแอสล่อนขนาดใหญ่ลงไปถึงชายป่า เวลาล้างหม้อล้างจานเศษอาหารจะไหลตามไปด้วย ปลายท่อจึงมีไก่ป่ามารอจิกกิน ตามมาด้วยหมูป่าและน่าจะมีสัตว์อื่นอีกถ้ามีเวลานั่งดู หลังอาหารค่ำ คืนนี้ท้องฟ้าเปิดพี่ตั้มจึงสอนน้องๆดูดาว กลุ่มดาวนายพรานโอไรออน ดาวสุนัขใหญ่ ดาวคนคู่ และดาววัวเป็นกลุ่มหลักที่เด็กๆได้ศึกษา หลังจากดูดาวแล้วมีโอกาสได้ส่องไฟฉายดูหมูป่าที่พาเหรดมาเดินรอบๆลานกางเต็นท์ แรกๆเห็นตาสัตว์เรืองแสงตอบแสงไฟเด็กๆก็ตื่นเต้นแต่พอรู้ว่าเป็นหมูป่าก็เลิกสนใจเพราะตอนกลางวันเห็นกันแล้วหลายตัว อากาศยามค่ำคืนไม่หนาวนอนหลับได้โดยไม่ต้องอาศัยผ้าห่ม ใกล้สว่างนกตบยุงหางยาว Large-tailed Nightjar มาส่งเสียงร้อง จุ๋ง จุ๋ง จุ๋ง ใกล้ๆ ออกมาส่องไฟดูเห็นตาคู่โตสะท้อนแสงไฟ พอขยับเข้าไปใกล้นกจะบินหนีเมื่อฉายไฟไล่ตามไปจะเห็นแสงเรืองของตาคู่นั้น ฟุ่งฝ่าความมืดไปจนได้ที่เกาะใหม่ เช้าวันที่ ๒ มีนาคม ผมข้ามสะพานไปตั้งแต่เช้าตรู่เป้าหมายอยู่ที่ต้นไทรเพื่อถ่ายภาพ ระหว่างทางแค่พ้นสะพานไปก็ได้ถ่ายภาพนกหัวขวานเขียวตะโพกแดงและนกหัวขวานเล็กหงอนเหลืองแล้ว ไปใช้เวลาต่อที่ต้นไทรได้ภาพนกเขาเปล้าธรรมดาและฟลุกได้นกใหม่ที่เพิ่งเคยเห็นวันนี้เองคือนกเปล้าขาเหลือง Yellow-footed Green Pigeon ได้ภาพมาพอเป็นหลักฐานคือไม่ได้ภาพที่สมบูรณ์เต็มตัวแต่ก็ดีใจแล้ว เสียดายที่ถ่ายนกขมิ้นหัวดำไม่ได้ สายหน่อยดันมีกองถ่ายละครมาปักหลักถ่ายทำตั้งแต่หัวสะพานไปถึงอาคารบนเนินสูงขวามือ ถ้าผมมาช้ากว่านี้อดถ่ายหัวขวานสองชนิดที่ว่านั่นแน่ๆ มาทราบทีหลังว่าเป็นกองถ่ายทำละครเรื่องคุณชายธนาธร วัยของผมเลยวัยบ้าดาราแล้วจึงไม่ได้คิดที่จะแวะเวียนเข้าไปดูหน้าใคร เดินตามเสียงชะนีไปหาดูตัวมันดีกว่าตามเสียงไปถึงบริเวณร้านค้าและบ้านพักเจ้าหน้าที่ ได้เห็นลุงฟื้นพิทักษ์ป่ารุ่นอาวุโสเอามะละกอสุกมาวางกองให้สัตว์กินข้างบ้าน มีกระจ้อนและฝูงนกกะรางสร้อยคอเล็กลงมากิน สมาชิกบางส่วนตามมาขณะที่ผมด้อมๆหาชะนีอยู่ บางคนก็ได้เห็นตัวก่อนที่พวกมันจะหลบเข้าป่าลึกไป สายมากแล้วผมเลยสั่งข้าวที่ร้านสวัสดิการมากินจะได้ไม่ต้องกลับไปหากินที่ที่พัก จากนั้นสบทบกับเด็กๆบางคนไปส่งจิตคารวะที่อนุสรณ์สถานเจ้าหน้าที่ที่พลีชีพพิทักษ์ป่า อนุสรณ์สถานแห่งนี้จัดทำเป็นหลักไม้สี่หลักจารึกชื่อเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตปักอยู่บนพื้นปูน พวกเราออกเดินดูนกไปตามเส้นทางข้างอนุสรณ์สถานซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะเข้าสู่ใจกลางป่าลึกไปหน่วยพิทักษ์ป่ากะปุกกะเปียงระยะทาง ๑๔ กิโลเมตร และสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำระยะทาง ๑๗ กิโลเมตร อยากไปเห็นสภาพป่าสองข้างทางที่ว่านี้จริงๆ แต่คงได้แค่อยากเท่านั้นเพราะผมโทรติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มโครงการจะมาแล้วว่าจะทำเรื่องขออนุญาตเข้าไปชมให้ถึงเขานางรำได้ใหม แค่ขับรถดูสภาพป่าไปถึงแล้วกลับ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ อือ..สมัยไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวยังมีเส้นทางผ่านป่าเข้าไปถึงทุ่งกะมัง ๓๐ กว่ากิโลเมตร ได้เห็นได้เรียนรู้อะไรจากป่านั้นมากมาย แต่ที่นี่โผล่เข้ามาได้แค่นี้ เมื่อไปต่อไม่ได้พวกเราตอนนั้นเหลือผม ครูนิวรณ์ ตั้ม เจ้าษี เจ้าเบ็กแฮ่ม เจ้าแบ็งค์ เจ้าเวฟ และเจ้าวี
แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Sun Apr 07, 2013 3:43 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
| | | kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Sun Apr 07, 2013 1:35 am | |
| พากันเดินหน้าไปไม่ไกลนักราวๆ ๑๐๐ เมตร จะถึงทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินแดงซึ่งอยู่ทางขวามือ เราเดินเข้าไปดูแผนผังเส้นทางที่มีติดตั้งไว้แล้วตัดสินใจเดินศึกษาธรรมชาติในเส้นทางระยะสั้น ๒.๒ กิโลเมตร เพื่อศึกษาสภาพป่าบริเวณนี้เท่านั้น เพราะเส้นทางศึกษาธรรมชาติเราเดินกันมาหลายแห่งแล้วในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติหลายๆแห่งที่เคยผ่านกันมา จุดศึกษาธรรมชาติจะคล้ายๆกัน เช่น โป่ง ไทร น้ำ ปลวก ผู้ย่อยสลาย เหล่านี้คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เข้ามาแล้วไม่ผิดหวังเราได้เจอสภาพป่าเบญจพรรณและป่าไผ่ที่คุ้นเคย ลมเย็นจากป่าสร้างความสดชื่นแตกต่างจากป่าเต็งรังเขาภักดีมากมาย เสียงไก่ป่านกป่ากระตุ้นให้ขยันสอดส่ายสายตามองหาต้นเสียง ผีเสื้ออาชดุ๊คธรรมดา Common Archduke เพศผู้ตัวหนึ่งมาบินเกาะบินเกาะสลับกันเย้ายวนใจให้ติดตามถ่ายภาพ พื้นปีกสีดำตัดด้วยขอบปีกสีฟ้าแซมด้วยจุดเหลืองสวยสะดุดตา เส้นทางค่อนข้างทรุดโทรม สะพานไม้ผุพังแห่งหนึ่งเราต้องค่อยๆย่องผ่านแต่ก็สนุกดี บางช่วงก็มีทางแยกให้งงเล่น ออกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติกลับไปที่พักเพื่อจัดการกับอาหารกลางวันระหว่างผ่านอาคารจัดอบรมก่อนถึงลานกางเต็นท์พบกับลุงฟื้นอีกครั้งหนึ่งและได้พูดคุยกันยาวทีเดียว ลุงฟื้นนี่ผมคุ้นชื่อมาจากหนังสือชีวิตไพรห้วยขาแข้ง ของ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ เมื่อเขาแนะนำตัวขึ้นมาว่า "ผมชื่อฟื้นครับ" ผมก็นึกออกทันที ลุงฟื้นผู้พบศพหัวหน้าสืบของเขาเป็นคนแรก ลุงฟื้นผู้กอดศพลูกน้องที่ถูกปืนของพรานล่าสัตว์ตายในอ้อมแขน ลุงฟื้นเล่าเรื่องราวในป่าห้วยขาแข้งให้พวกเราฟังและรับรู้เรื่องจริงหลายอย่าง คุ้มค่ากับการยืนคุยจนปวดหลัง อีก ๒ ปีลุงฟื้นก็จะเกษียณพักผ่อนแล้วเหลือแต่เรื่องราวมากมายของห้วยขาแข้งอยู่ในความทรงจำ กินข้าวและพักผ่อนกันพักหนึ่งก็ออกเดินดูนกดูสัตว์กันอีก พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนี่ต้องทำเวลากันหน่อย กระรอกที่นี่เห็นได้ทุกวันเหมือนกัน ดูเผินๆนึกว่าเป็นกระรอกหลากสีที่มีอยู่ทั่วไป ส่องดูดีๆอ้าวไม่ใช่นี่หว่า กลายเป็นกระรอกท้องแดง Pallas's Squirrel ซึ่งไม่เคยพบทางป่าภาคตะวันออกบ้านของพวกเราเลย จากการติดตามนกกะเต็นใหญ่ธรรมดาพาให้ผม ครูนิวรณ์ ตั้ม วี และเด็กๆบางคนเดินเลาะผ่านใต้บันไดแขวนไปตามตลิ่งริมน้ำตามทิศทางที่สายน้ำไหลไปไกลพอสมควร และอย่าหวังว่านกสายตาดีความระวังภัยสูงอย่างนั้นจะอยู่ให้เห็นง่ายๆ การเดินดูนกสำหรับคนที่ชอบจริงๆมักจะไม่มีคำว่าเบื่อ เวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่รู้ตัว จากแดดร้อนยามบ่ายกลายเป็นแดดอ่อนยามเย็นขณะที่พวกผมวนเวียนอยู่แถวบ้านพักคุณสืบ สุดท้ายเมื่อไปยืนอยู่บนหอดูสัตว์หลังอนุสาวรีย์คุณสืบก็เป็นเวลาที่นกบินกลับหาที่นอนกันแล้ว ต้นไม้แห้งตรงหน้าเป็นที่เกาะพักของนกหลายตัว เปล้าขาเหลืองเกาะพักท่ามกลางแสงยามเย็นที่สวยงาม อยากจะเขกกะโหลกตัวเองที่ถ่ายภาพนี้ไม่ทัน หอดูสัตว์แห่งนี้อยู่ติดกับลำห้วย เป็นจังหวะที่ดีของพวกเราที่มีโอกาสได้เห็นตะพาบน้ำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเดินทางย้ายที่ตามพื้นทรายใต้น้ำไปจนสุดสายตา สังเกตนกพิราบป่าคู่หนึ่งบินวนเวียนจะเข้ามาที่หอดูสัตว์ที่พวกเรายืนอยู่ แหงนดูบนพื้นที่ใต้หลังคา อ้อรังนกอยู่บนนั้นเอง เลยพากันลงมาเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ารังดูแลลูกหรือไข่ต่อไป พูดถึงนกพิราบป่าทีไรผมไม่อยากจะเรียกชื่อนี้เลยจริงๆ เพราะนกพิราบเราจะพบในเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ไม่น่ามีคำว่าป่าต่อหลังเลย กลับไปถึงที่พักลานกางเต็นท์ ปรากฎว่าสมาชิกที่อยู่ที่นี่ย้ายครัวจากอาคารประชาสัมพันธ์ออกมาอยู่ใกล้ๆกับเต็นท์แล้ว เหตุเพราะอาคารตรงนั้นเด็กมัธยมปลายโรงเรียนจากจังหวัดสิงห์บุรีราวๆ ๕๐ คนมายึดครองไปแล้ว คืนสุดท้ายบนลานกางเต็นท์ของพวกเรานกตบยุงหางยาวยังมาร้องอยู่ใกล้ๆแต่ที่ผิดไปจากคืนก่อนๆ คือไม่ลงมาเกาะบนหลักต่ำๆอีกแล้ว เล่นเกาะบนยอดเสาไฟฟ้ากันเลย เช้าตรู่ผมตื่นขึ้นมาจากเสียงของเด็กๆหลายคนที่พากันเดินไปห้องน้ำ เจ้าหน้าที่สื่อความหมายธรรมชาติของทางเขตฯมาเตรียมตัวจัดกิจกรรมดูนกให้กับเด็กๆจากสิงห์บุรี พวกเราก็เตรียมตัวกลับบ้านกัน เก็บเต็นท์ทำความสะอาดสถานที่ที่เราใช้จนเรียบร้อย อาหารไปหากินกันข้างหน้า แสงแดดเริ่มแรงขึ้นขณะที่เราเคลื่อนรถออกจากลานกางเต็นท์ ห้วยขาแข้งฝั่งนี้คงยากที่พวกเราจะหวนกลับมาอีก ระยะทางจากบ้านเรามา ๖๐๐ กิโลเมตรกับการได้เข้าป่าแค่ ๑๔ กิโลเมตรไม่ค่อยคุ้มกันเลย แต่อีกด้านหนึ่งคือห้วยแม่ดีเขาบันไดกับสายน้ำห้วยขาแข้งขอคิดขอศึกษาเส้นทางและระเบียบการอนุญาตให้เข้าได้ถึงไหนดูก่อน | |
| | | THANAKRON K.
จำนวนข้อความ : 86 Join date : 12/07/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Fri May 03, 2013 10:08 pm | |
| ผมไม่รู้นะครับว่าสิ่งที่พวกเราทำอยู่มันทำให้ใครบางคนหรือคนบางกลุ่มที่กำลังจับจ้องเราอยู่อย่างเงียบๆในชุมชนของพวกเราชอบรึเปล่านั้นมันไม่สำคัญครัยครู ผมรู้อย่างเดียวคือสิ่งที่ผมทำอยู่มันทำให้ผมมีความสุขมากและไม่เคยคิดที่จะเลิกทำและผมก็รู้นั้นมันทำให้ครูมีความสุขมากหมือนกัน ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหนครูก็ยังทำยังทำอยู่อย่างนี้ โดยหวังว่าจะปลูกจิตสำนึกให้กับเด็กๆในชุมชนที่ครูไม่ได้เกิดและโตที่นี้โดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆขอเพียงแค่เด๊กๆเหล่านั้นเมื่อเติบโตขึ้นมามีจิตใจที่รักในธรรมชาติจริงๆซักเพียงคนก็พอใจอย่างที่สุดแล้ว ผมจะทำอย่างนี้ไปตลอดและจะช่วยสอนให้เด็กๆรักในธรรมชาติให้มากที่สุดไม่มากก็น้อยครับ
| |
| | | kruwasan Admin
จำนวนข้อความ : 2307 Join date : 30/04/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Sun May 05, 2013 12:50 pm | |
| เปิดเทอมประกาศรับสมาชิกชุมนุมรักนกรุ่นใหม่ ว่างจากงานมาช่วยกันด้วยนะ และเปิดเทอมจะไปขอพันธุ์ต้นกันเกราที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้พังงอน โป่งน้ำร้อน คุยกับผอ.แล้ว เดี๋ยวขึ้นไปปลูกที่ธารหินดาษด้วยกัน | |
| | | THANAKRON K.
จำนวนข้อความ : 86 Join date : 12/07/2011
| เรื่อง: Re: ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส Mon May 06, 2013 7:26 pm | |
| ครับครูผมจะไปช่วยเต็มที่ครับ
| |
| | | | ห้วยขาแข้งที่คนไทยยากสัมผัส | |
|
| Permissions in this forum: | คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
| |
| |
| Statistics | สมาชิกทั้งหมด 109 คน สมาชิกล่าสุดคือ zero_one
Post ทั้งหมด 2901 หัวข้อ in 259 subjects
|
ผู้ที่กำลัง online | ผู้ที่ online ทั้งหมด 1 คน :: ลงทะเบียน 0 คน, ซ่อน 0 คน และ 1 ผู้มาเยือน (ไม่มี) มีผู้ใช้ online พร้อมกันสูงสุด 138 คน เมื่อ Tue Sep 14, 2021 6:05 am |
May 2024 | Mon | Tue | Wed | Thu | Fri | Sat | Sun |
---|
| | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | | | Calendar |
|
|
|