Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

                       ขอเชิญเข้าชมข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติในต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด 


 

 กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา

Go down 
3 posters
ผู้ตั้งข้อความ
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา   กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา EmptySat Feb 11, 2012 8:06 pm

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา
๓-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ชุมนุมรักนกโรงเรียนบ้านหนองบอนจัดทริปดูนกและศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา
เช้าวันที่ ๓ หลังจากจัดสัมภาระขึ้นไปอัดอยู่ทั้งในกระบะและบนหลังคารถ นักเรียน ๑๑ คนและเจ้าวี ธนากร เขียวติ๊บขึ้นกระบะหลัง ๗ใน๑๑คนนี่เพิ่งได้รองแชมป์ฟุตบอลกีฬานักเรียนจังหวัดตราดรุ่น ๑๕ ปีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคมที่ผ่านมานี่เอง คือเจ้าแบ็งค์ดาวซัลโวของทีม เจ้าตูน เจ้าเบิร์ด เจ้าณัฐ เจ้าแฮ่ม เจ้าบอล และเจ้าไอซ์ ข้างหน้าครูวสันต์ทำหน้าที่ขับรถ ครูนิวรณ์นั่งข้างอีกเบาะหนึ่ง ในแค็ปมีเจ้าตั้ม วิษุวัต ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลหนองบอนซึ่งขอตัวมาเป็นวิทยากรการดูดาวนั่งอยู่ ราวๆหกโมงเช้าเริ่มออกเดินทางจากโรงเรียน ใช้เส้นทางหนองบอน-เขื่อนคีรีธารไปออกถนนสายจันทบุรี-สระแก้วตรงบ้านอกพก ถนนสายจันทบุรี-สระแก้วขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างสร้างเป็นทาง ๔ เลน
เราไปแวะกินอาหารเช้าและซื้อเสบียงที่ตลาดปะตงซึ่งอยู่เลยทางเข้าน้ำตกเขาสอยดาวไปเล็กน้อย เสร็จแล้วออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปอำเภอตาพระยาระยะทางอยู่อีกไกล
ขับรถไปจนเมื่อยถึงสี่แยกไม่เข้าตาพระยาแต่เลี้ยวซ้ายไปเส้นทางอำเภอโนนดินแดง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตาพระยาอยู่ซ้ายมือก่อนเข้าเขตโนนดินแดง เข้าไปมีโอกาสได้พบกับท่านหัวหน้าอุทยานที่อัธยาศัยไมตรีดีมาก ทางชุมนุมทำหนังสือขออนุญาตเข้าดูนกและศึกษาธรรมชาติมาล่วงหน้าแล้ว
จากที่ทำการอุทยาน ขับรถไปทางด้านหลังมีเส้นทางลูกรังมุ่งหน้าไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตาพระยาที่ ตย.๔ (กลางดง) ระยะทางประมาณ ๑๓ กิโลเมตร สองข้างทางมีต้นติ้วขน(Cratoxylum formosum (Jack) Dyer subsp. pruniflorum (Kurz) Gogel. ซึ่งทางจันทบุรีเรียกว่าต้นแต้ว กำลังออกดอกสีขาวเต็มต้นและมีกลีบดอกล่วงหล่นบนพื้นถนนดูสวยงาม ติ้วขนจัดว่าเป็นพันธุ์ไม้เด่นของที่หน่วยกลางดงในเวลานี้เลยเพราะมีตลอดสองข้างทางจนถึงลานกลางเต็นท์ ไปถึงเที่ยงกว่ายังมีค่ายลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนทางโนนดินแดงอยู่ทราบว่าจะปิดค่ายเดินทางกลับประมาณบ่ายสอง
ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยเสร็จแล้วพวกเราจัดการกางเต็นท์และส่วนหนึ่งประกอบอาหารกลางวัน หลังอาหารกลางวันเริ่มดูนกและศึกษาธรรมชาติ
ที่หน่วยกลางดงมีอาคารสำนักงาน บ้านพักนักท่องเที่ยว ลานกางเต็นท์ สนามหญ้าสำหรับกิจกรรมค่ายต่างๆ แท็งค์น้ำขนาดใหญ่สูบน้ำขึ้นไปเก็บแล้วปล่อยลงมาให้ใช้ มีห้องน้ำพร้อมสรรพ อากาศร้อนอบอ้าวเพราะป่ารอบๆเป็นป่าที่มีแต่ต้นไม้เล็กขนาดต้นติ้วขนเป็นส่วนใหญ่ไม่มีไม้ขนาดใหญ่นอกจากไม้ที่ทางหน่วยน่าจะปลูกเสริมขึ้นมาจำพวกไทรและไกร น่าเสียดายที่ต้นไกรออกลูกหลายต้นแต่ยังไม่สุกทำให้ไม่มีนกมากิน
นกที่พบค่อนข้างน้อยและเป็นนกที่เห็นกันอยู่บ่อยๆที่โรงเรียนอยู่แล้ว เช่นเขาใหญ่ กิ้งโครงคอดำ ตะขาบทุ่ง ยางกรอกพันธุ์จีน กระแตแต้แว้ด อีกา เด็กๆจึงไม่ค่อยตื่นเต้นกับนกที่นี่ แต่ไปสนใจรอยเท้ากระทิงแทน
ผีเสื้อมีให้ดูพอสมควรโดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นเช่นที่บ่อเลี้ยงปลาของเจ้าหน้าที่หน่วย มีที่น่าสนใจเช่นหางดาบธรรมดา หางดาบลายขีด หนอนคูนธรรมดา หนอนใบกุ่มธรรมดา ลงเกาะดูดกินเกลือแร่เป็นกลุ่มใหญ่
ประมาณบ่ายสองกว่ากองลูกเสือเนตรนารีปิดกองเดินทางออกไปแล้ว คราวนี้เหลือแต่พวกเรา ๑๕ ชีวิตกับเจ้าหน้าที่หน่วยสองสามคน ป่าเงียบแต่ร้อนเหมือนเดิมพวกเจ้าแบ็งค์เจ้าสีเจ้าญัฐถอดเสื้อเดินดูนกอย่างไม่อายหุ่นตัวเอง ออกจากบริเวณหน่วยฯเดินดูนกย้อนไปตามเส้นทางที่เรามากันคือเส้นทางที่จะกลับไปที่ทำการอุทยานนั่นเอง แทบไม่เจอนกเลย เดินไปประมาณ ๓ กิโลถึงทุ่งกระทิงที่มีหอดูกระทิงตั้งอยู่ หยุดดูนกกันที่นี่เพราะขี้เกียจเดินต่อไปแล้ว อยู่กันจนเย็น เจอไก่ป่า กระรอกหลากสี กระแตแต้แว้ด ขุนทอง เขาเปล้าธรรมดา กะรางหัวหงอก มีนกแก๊กนกเงือกชนิดเล็กสุดโผล่มาให้ดูคู่หนึ่ง
ขณะขับรถกลับไปที่พักผมตัดสินใจอย่างไม่ลังเล พรุ่งนี้เผ่นดีกว่า อยู่ไปไม่น่าจะมีนกให้ดูคุ้มกับขับรถมาตั้งไกลเลย
หลังอาหารค่ำตามกำหนดการจะเป็นการดูดาวแต่ข้างขึ้น ๑๑ ค่ำแสงจันทร์ที่สว่างและเมฆบนท้องฟ้าไม่สะดวกกับการดูดาว สองทุ่มกว่าผมก็ชวนเด็กๆขึ้นรถออกไปส่องดูสัตว์กลางคืนด้วยไฟฉายธรรมดาๆกับไฟหน้ารถ ขับไปที่ถึงทุ่งกระทิงไม่เจอตัวอะไรเลยระหว่างทาง ขึ้นไปส่องไฟบนหอดูกระทิงอีกพักใหญ่ก็ไม่เจอตัวอะไร กลับไปนอนดีกว่า
กลับออกจากทุ่งกระทิงประมาณ ๕๐ เมตร เสียงเคาะข้างรถผมหยุดมองตามแสงไฟที่พวกนั่งกระบะหลังส่องอยู่ ขณะนั้นเวลา ๒๑.๔๐ น. ที่แหล่งน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อให้สัตว์โดยเฉพาะกระทิงลงกินขวามือของถนนลูกรัง กระทิงตัวหนึ่งยืนอยู่ ไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวคนแม้เสียงเด็กๆที่อดพูดกันด้วยความตื่นเต้นไม่ได้แม้จะห้ามแล้วดังอยู่ตลอดเวลา พักหนึ่งคงจะรำคาญเสียงและแสงไฟฉายจึงค่อยๆเดินเข้าไปบังอยู่หลังต้นไม้ ไม่อยากรบกวนสัตว์มากไปคิดว่ากระทิงคงจะมากินน้ำผมจึงขับรถออกมาจากบริเวณนั้น
ขับช้าๆเหมือนคลานมาเรื่อยๆ ๒๑.๕๘ น. เสียงเคาะข้างรถดังขึ้นอีก คราวนี้ทางซ้ายมือกระทิงอีกตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงบริเวณที่ค่อนข้างโล่งเห็นกันอย่างชัดเจน ไอ้พวกแสบทำเรื่องเจ้าแบ็งค์และเจ้าสีโดดลงจากกระบะมาดูทางหน้ารถ ไม่สนใจเสียงด่าของผมเสียด้วย มันบอกว่าอยู่ข้างหลังมองไม่ถนัด เวรเอ๊ย กระทิงนะไม่ใช่วัวนม ยังดีที่กระทิงเลือกเดินหนีไป ถ้ามันเลือกชาร์จเข้าใส่ยังนึกไม่ออกว่าจะเสียดายลูกศิษย์แสบหรือเสียดายรถมากกว่ากัน
ขับกลับมาถึงที่พักพอเด็กๆลงรถกันหมดแล้วผมชวนเจ้าตั้ม เจ้าวี ค่อยๆออกรถกลับไปดูอีกรอบคราวนี้จะได้ดูเงียบๆแล้วถ้าเจอกระทิงอีก หนอยแน่ะ ยังอุตส่าห์มีพวกวิ่งตามมากระโดดขึ้นกระบะอีกสามสี่คน จะไล่ลงก็ขี้เกียจไปก็ไป รอบนี้ไม่เจอกระทิงหรือสัตว์อื่นใดเลย สุดท้ายกลับมานอนดีกว่า
เช้า ๔ กุมภาพันธ์ ตื่นเช้ามาหน้าตาของเจ้าเอกชัยน้องใหม่ม.๑เต็มไปด้วยลวดลายต่างๆจากปากกาเคมีสีแดง สอบถามได้ความว่าเจ้าวัฒนาคือเจ้าของปากกา เจ้าสี เจ้าแฮ่ม เจ้าเบิร์ดคือผู้ลงมือตอนกลางคืน เออระวังกรรมตามสนองก็แล้วกัน
ดูนกตอนเช้ากันอีกรอบขับรถออกไปทางเดิมเมื่อคืนนี้ อยากดูไก่ฟ้าพญาลอ เจ้าหน้าที่ที่หน่วยบอกว่ามีโอกาสเห็นในตอนเช้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็น กลับมาเดินดูนกแถวๆที่พักขณะตามดูกะรางหัวหงอกฝูงหนึ่งไปเจอเค้าแมวเกาะนิ่งอยู่ ได้ถ่ายรูปนกตัวแรกของตาพระยาแล้ว นกเค้าแมวตัวนี้แหละ เขียวก้านตองหน้าผากสีทองมาเกาะโชว์ตัวอยู่ใกล้ๆ มุมในการถ่ายภาพตามแสงก็ไม่ดีเสียอีก
หลังอาหารเช้าเจ้าหน้าที่หน่วยมาเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆพร้อมออกใบเสร็จให้ ผมให้พวกเด็กๆช่วยกันเก็บทำความสะอาดที่พักห้องน้ำห้องส้วมจนเรียบร้อย เก็บเต็นท์และสัมภาระต่างๆขึ้นรถ จริงๆแล้วกำหนดการที่ผมทำหนังสือขออนุญาตเข้ามาพวกเราจะพักอยู่ที่นี่จนถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์และวันนี้จะเดินศึกษาธรรมชาติ ๓ กิโลเมตรขึ้นไปที่จุดชมวิว แต่สภาพนกที่พบน้อยผมจึงคิดที่จะพาเด็กๆไปที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเมื่อหกปีก่อนรุ่นพี่ของพวกนี้เคยมาพักและดูนกอย่างประทับใจกันมาแล้ว คือที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา กม.๒๐ ห้วยน้ำเย็น
ขับรถออกมาจากหน่วยกลางดงระหว่างทางแวะเข้าไปชมเขายักษ์และป่าสลัดได เข้าไปในเส้นทางแคบๆพื้นเป็นดินปนทรายถ้าฝนตกรับรองรถติดแน่ๆ ชักใจไม่ดีบางช่วงเจ้าวีต้องลงไปลากกิ่งไม้ออกให้ก่อนถึงจะผ่านไปได้ จะเลี้ยวกลับก็ไม่ได้ต้องวิ่งไปจนถึงทางกลับรถบริเวณเขายักษ์ เข้าไปดูเขายักษ์ เป็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่ก้อนเดียวโดดๆ ด้านหน้าสลักเป็นภาพพระศิวะหรือนักพรตแห่งไศวนิกาย ผมว่าตามป้ายที่ติดอยู่นะ ยืนอ่านกันทุกคน ป้ายเก่าแล้วอักษรเลอะเลือนไปบ้าง
ออกจากเขายักษ์กลับมาไม่ไกลนัก มีป้ายป่าสลัดได จอดรถแล้วเดินเข้าไปตามทางเดินเล็กๆไม่น่าเกิน ๑๐๐ เมตร เป็นบริเวณที่มีต้นสลัดไดขึ้นอยู่หลายต้น ต้นใหญ่มากน่าจะอายุเป็น๑๐๐ปี ดูกันแล้วรีบออกมาขึ้นรถเพราะต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงปางสีดา
ออกจากอุทยานแห่งชาติตาพระยากลับมาเส้นทางเดิมคือเส้นทางกลับไปสระแก้ว ผ่านป้ายละลุอยากไปดูเหมือนกันแต่ไม่มีเวลาแล้ว ระหว่างทางมีป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติปางสีดา สอบถามคนแถวนั้นว่าเข้าทางนี้กับไปถึงสระแก้วก่อนแล้วเข้าทางสระแก้วทางไหนใกล้กว่ากัน เขาบอกว่าเข้าทางป้ายนี้ใกล้กว่าเลยเลี้ยวเข้าเส้นทางนี้ขับไปถึงปางสีดาบ่ายโมงกว่า เจ้าหน้าที่ตรงประตูบอกว่าน้ำตกไม่ค่อยมีน้ำนะและแนะนำให้กินอาหารที่ร้านด้านนอกก่อนเพราะร้านของอุทยานไม่ได้ขายในช่วงนี้
กินอาหารกลางวันกันแล้วเด็กๆขอไปเล่นน้ำตกกันประมาณครึ่งชั่วโมง ผมเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อเสียค่าธรรมเนียมการขึ้นไปพักค้างที่กม.๒๐ เจอพญากระรอกดำกำลังกัดแทะลูกมะตูมอยู่บนต้นมะตูมปากทางเข้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลยงัดอุปกรณ์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งพญากระรอกดำไม่สนใจใครทั้งนั้นสนใจกินมะตูมอย่างเดียวใครอยากถ่ายอยากดูเชิญ
ตรงนี้ผมได้รู้จักกับบุคคลผู้หนึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นคุณกำพล บุญชูสว่าง หนึ่งในคณะกรรมการสถานศึกษาศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ขึ้นไปที่กม.๒๐ ได้คุยกันเรื่องนกเรื่องผีเสื้อเรื่องเด็กกับการอนุรักษ์ธรรมชาติอีกเยอะ
ขณะขับรถไปในเส้นทางลูกรังผมยอมเสียมารยาทขับแซงรถเก๋งคันหนึ่งขึ้นไปเพราะไม่อย่างนั้นเด็กๆที่กระบะหลังต้องนั่งกินฝุ่นไปตลอดทาง ไปถึงที่กางเต็นท์กม.๒๐ผมก็ไปขอโทษเขาซึ่งเป็นครอบครัว ๓ คนพ่อแม่ลูก แล้วก็กลายมาเป็นเพื่อนร่วมที่พักกันอย่างดี เช้าคุณพ่อคุณแม่ก็พาลูกมาดูนกกับสโคปของผม ผมก็เปิดคู่มือดูนกสอนให้ เด็กไม่เคยดูนกมาก่อนเจอนกสวยสีเหลืองสดอย่างขมิ้นท้ายทอยดำก็ตื่นเต้นชอบใจนะซิ
จัดการกางเต็นท์ เตรียมที่หุงหาอาหารกันแล้ว เดินดูนกดูผีเสื้อกันใกล้ๆบริเวณที่พัก จากป่าร้อนอบอ้าวของตาพระยามาเป็นป่าร่มเย็นของปางสีดา นกมีให้เห็นเกือบตลอดเวลา ผีเสื้อที่ริมห้วยน้ำเย็นมากสุดๆ สวยๆอย่างหางติ่งปารีส สะพายฟ้า แผนที่ธรรมดา มีอยู่ในฝูงที่ลงดูดกินเกลือแร่ริมห้วย
เจอคณะของคุณกำพลซึ่งมีพวกสมาคมรักษ์ปางสีดามากัน นายกสมาคมก็มา และคุณกำพลแนะนำให้ผมรู้จักกับคุณสินธุยศ จันทรสาขาซึ่งพวกเขาเรียกว่าอาจารย์ ผมมารู้ทีหลังว่านี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านผีเสื้ออันดับต้นๆของเมืองไทยคนหนึ่ง
ตอนเย็นขับรถพาเด็กๆไปที่จุดชมวิวกม.๒๕ (อีกวันต่อมาผมมานั่งพิมพ์ต่อจนจบพอคลิกส่งเน็ตล่มไอ้ที่นั่งพิมพ์จนเกือบเที่ยงคืนหายทั้งหมด วันนี้ ๑๖ ก.พ.มานั่งพิมพ์ใหม่ได้อีกพอสมควรไฟฟ้าดับที่พิมพ์ไว้หายอีก กลุ้มวุ้ย)
จากจุดชมวิวผมเจ้าตั้มเจ้าวีและเด็กบางคนเดินเข้าไปในเส้นทางที่เคยเป็นถนนต่อจากจุดชมวิวแต่ปัจจุบันถูกปิดด้วยเหตุผลด้านการอนุรักษ์ ไม่เช่นนั้นเส้นทางสายนี้จะไปออกทางเสิงสางนครราชสีมาแต่ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าก็จะตามมาปิดเสียแหละดี ต้นหญ้าและไม้เล็กสูงท่วมหัวปกคลุมเส้นทางอยู่มีทางเดินเท้าแคบๆอยู่ตรงกลางซ้ายมือเป็นไหล่เขาลึกลงไปขวามือเป็นหน้าผาสูง เดินเข้าไปประมาณ ๕๐๐ เมตรเจอพวกนกปรอดเป็นส่วนใหญ่
กลับมาที่จุดชมวิวเจอกับคณะสมาคมรักษ์ปางสีดาอีกครั้ง พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการดูนกดูผีเสื้อและการถ่ายภาพกับคุณกำพลและคุณสินธุยศอย่างถูกอัธยาศัยไมตรีเพราะชอบในสิ่งที่เหมือนๆกัน ใกล้ค่ำจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ จุดชมวิวจึงเหลือแต่คณะกัญชา ๓ คน ที่รู้เรื่องกัญชาเพราะเด็กๆมาบอกว่าเห็นพวกนี้สูบกัญชา เป็นชาวต่างชาติ ๒ คน อีกคนหนึ่งน่าจะเป็นโชเฟอร์ขับรถมาส่ง ขณะผมออกรถจะกลับเด็กๆยังได้รับรอยยิ้มและโบกมือให้ตามประสาคอกัญชาอารมณ์ดี ตามสบายเลยพวก ตรงนี้มีรอยตีนเสือเหยียบไว้เห็นชัดเจนผมยังถ่ายภาพเก็บไว้ หวังว่าดึกๆคงไม่มานั่งหัวเราะขำเสือกันหรอกนะ
กลับมาที่ลานกางเต็นท์มีสมาชิกร่วมลานอีกสี่หลังทั้งไทยและต่างชาติ หลังอาหารค่ำแม้ท้องฟ้าจะสว่างด้วยแสงจันทร์เจ้าตั้มยังพยายามสอนเรื่องการดูดาวโดยนำแผนที่ดาวและภาพวาดกลุ่มดาวออกมาให้ดูประกอบกับการใช้ไฟฉายส่องชี้ให้ดูบนท้องฟ้า ผมตั้งสโคปให้ดูดาวพฤหัสซึ่งสามารถมองเห็นดวงจันทร์ใหญ่สี่ดวงของดาวพฤหัสด้วยคือ ไอโอ(Io) ยูโรปา(Europa) แกนิมีด(Ganimede) และคัลลิสโต(Callisto) ทั้งสี่ดวงเรียงกันเป็นเส้นตรงแนวตั้งอยู่เหนือดาวพฤหัสดวงหนึ่งอีกสามดวงอยู่ด้านล่าง
จบกิจกรรมดูดาวเจ้าแบ็งค์บอกว่าอยากส่องสัตว์กลางคืน เอาสิเดี๋ยวสี่ทุ่มมาเรียกครูก็แล้วกันผมบอกอย่างนั้นก่อนเข้าเต็นท์ ไม่เห็นมีใครมาเรียกคงจะหมดแรงหลับกันหมด ประมาณตีสี่ผมตื่นขึ้นมาจากเสียงร้องโต้ตอบกันของนกเค้าเหยี่ยวคู่หนึ่ง ขี้เกียจออกมาดูกะว่าพอฟ้าสางค่อยลุกออกมาดูแล้วดูนกอื่นต่อเลย แต่ถึงเวลานั้นจริงๆเค้าเหยี่ยวก็จากไปแล้วทั้งคู่
เช้าปักหลักดูนกกันตรงลานกางเต็นท์นั่นเอง มีนกบินมาเกาะให้ดูทั้งใกล้ไกลหลายชนิด ขมิ้นท้ายทอยดำ โพระดกหูเขียว แซงแซวสีเทาทั้งหน้าขาวและหน้าไม่ขาวมาพร้อมกับแซงแซวเล็กเหลือบ ขุนทองส่งเสียงนำมาก่อนเห็นตัว เช่นเดียวกับนกแก๊กนกเงือกชนิดเล็กสุดของเมืองไทยทั้งบินผ่านทั้งเกาะให้ดูส่งเสียงร้อง แก๊กๆๆๆๆๆ หกเล็กปากแดงนกสวยตัวจิ๋ว เขียวครามนกสวยลึกลับ พญาไฟใหญ่ตัวผู้สีแดงตัวเมียสีเหลืองที่บางคนถึงกับขนานนามว่านกสุริยันต์จันทราบินมาเกาะให้ดูเหนือหัวคู่หนึ่ง ปรอดทองกับปรอดเหลืองหัวจุกผลัดกันเข้ามา แซงแซวหางบ่วงใหญ่บินโชว์หางสวยทั้งคู่
หลังอาหารเช้ายังวนเวียนดูนกกันแถวๆนี้มีนกบินมาให้ชมอยู่เรื่อยๆ เขาเปล้าธรรมดาฝูงหนึ่งเพิ่งจากไป เขาเปล้าชนิดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนคู่หนึ่งบินมาเกาะให้ดูแล้วปวดหัวเล่น เปล้าอะไรวะนี่ดูเขียวปนเทายังไงไม่รู้หัวปีกแดงเลือดหมู อีกตัวน่าจะเป็นตัวเมียสีเขียวทั้งตัว ตัวเมียพอจะถ่ายรูปได้บ้างแต่ไม่ชัด ตัวผู้เกาะมีกิ่งไม้บังเกะกะถ่ายไม่ได้แถมไกลอีกต่างหาก เอาภาพตัวเมียไปถามคุณกำพลกับคุณสินธุยศก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเปล้าชนิดไหน ในใจผมมีตัวเลือกอยู่สองชนิดคือเปล้าหางพลั่วกับเปล้าท้องขาว (กลับบ้านกันแล้วพักได้หนึ่งวันผมต้องคุมทีมฟุตบอลไปแข่งที่ระยองคุณกำพลยังโทรไปคุยถึงนกเปล้าคู่นี้อีกช่างมีน้ำใจจริงๆ กลับจากระยองผมพอมีเวลามาเปิดหนังสือและดูภาพจากอินเตอร์เน็ต จนสรุปได้ว่ามันคือนกเปล้าหางพลั่ว)
สายๆคณะรักษ์ปางสีดาขึ้นไปดูผีเสื้อที่จุดชมวิวบริเวณที่เรียกว่าน้ำซับ ผมเข้าไปซุ่มถ่ายภาพนกจับแมลงคอแดงเพศผู้ตัวหนึ่งที่เห็นตั้งแต่ตอนเช้าแล้วแต่ติดที่นกมันอยู่ใกล้กับคณะรักษ์ปางสีดาพักกันอยู่ เมื่อพวกเขาออกไปกันผมก็ได้โอกาส ได้ภาพนกจับแมลงคอแดงที่อยู่ในชุดขนผสมพันธุ์คอเป็นสีส้มสมใจ หลังจากนั้นผมก็วนเวียนหาติ๊ดสุลต่านกับขุนแผนอกสีส้มที่เมื่อปี๒๕๔๙เคยเห็นที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นเลยจนกระทั่งกลับ ไปได้ภาพนกพื้นๆอย่างกระเบื้องผาที่หลังห้องน้ำตัวหนึ่งเป็นภาพนกตัวสุดท้ายของทริปนี้ การมุ่งหาถ่ายภาพนกทำให้พลาดโอกาสเดินศึกษาธรรมชาติตามเส้นทางใกล้ๆเช่นที่น้ำตกห้วยน้ำเย็น
คณะของเราใช้เวลาอยู่ที่ห้วยน้ำเย็นจนบ่ายจึงเก็บสัมภาระและเก็บขยะทำความสะอาดบริเวณที่พักจนสะอาด ผมเน้นเรื่องนี้อย่างมากไม่ว่าจะไปพักที่ใดไม่เคยให้มีเสียงด่าตามหลัง ตอนโทรมาติดต่อที่ตาพระยาเขายังว่าขอให้อาจารย์ดูแลเรื่องความสะอาดด้วยเพราะเคยมีบางคณะทำไม่ดีสร้างปัญหาไว้ ผมจะบอกว่าพวกผมมีความรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างสูงก็กลัวจะถูกหาว่าโม้เลยให้เขาดูเอาเองดีกว่า ประมาณบ่ายสองเดินทางออกจากห้วยน้ำเย็นไปหาข้าวกลางวันกินเอาข้างหน้าและจะแวะชมถ้ำเขาฉกรรจ์ตามคำเรียกร้องของสมาชิกหลายคน
ขับรถมองหาร้านอาหารเรื่อยมาไม่เจอเหมาะๆเลย ขับมาจนถึงเขาฉกรรจ์ท้องก็ร้องจ๊อกๆประชันกันทั้งคันรถ ได้ร้านใกล้ๆปากทางเข้าวัดถ้ำเขาฉกรรจ์นั่นเอง ได้เติมพลังกันแล้วก็มีแรงเข้าวัดดูถ้ำและไหว้พระ ลิงฝูงใหญ่ของที่นี่ท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร ผมยกกล้องจะถ่ายภาพเจ้าตัวหนึ่งมันแยกเขี้ยวโดดใส่ต้องโดดถอยหนีออกมายังดีที่มันไม่ตามติดมา ไม่ถ่ายก็ได้วะ คงนึกว่าตัวมันเองเป็นซุบเปอร์สตาร์ผมเป็นปาปารัสซีมั้ง
ลิงที่นี่เป็นลิงแสมสังเกตลักษณะเด่นอย่างแรกได้จากหางที่ยาวกว่าลิงอีกสี่ชนิดที่มีในเมืองไทยคือลิงกัง ลิงเสน ลิงอ้ายเงี๊ยะ ลิงวอก หางของมันยาวพอๆกับความยาวของลำตัวรวมทั้งหัวมันจึงมีชื่ออังกฤษว่า Long-tailed Macaque
ลิงที่นี่มีตั้งแต่ปากทางเข้าเขตวัดจนถึงบนภูเขาหินปูน ตามบันไดทางเดินขึ้นสู่ถ้ำเขาทะลุที่สูงชันมากมีลิงเกาะอยู่ตามข้างราวบันไดคอยรับอาหารจากคนใจบุญที่ซื้อไปแจก บางตัวแสบหน่อยก็จะคอยแยกเขี้ยวขู่เวลาเดินผ่าน เจ้าตัวหนึ่งเห็นเจ้าแบ็งค์เดินไปกินขนมไปไม่ยอมแบ่งมันหมั่นไส้เลยโดดเข้าใส่ นักฟุตบอลฝีเท้าดีสวมวิญญาณนักมวยปล่อยอับเปอร์คัตขวาเข้าลำตัวลิงตัวนั้นถึงกลับกระเด็นข้ามหัวไปตกนอกเขตบันได แต่เวลาขากลับมันชวนเพื่อนมาคอยดักที่เดิมคราวนี้เจ้าแบ็งค์สวมวิญญาณนักวิ่งเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิด
กราบพระ ชมถ้ำ เลี้ยงลิงและคอยหลบทั้งคมเขี้ยวและขี้ลิงตามทางเดินกันแล้วพวกเราก็เดินทางกลับถึงบ้านกันโดยสวัสดิภาพทุกคน
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
kasadit

kasadit


จำนวนข้อความ : 50
Join date : 01/05/2011

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา   กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา EmptySat Feb 18, 2012 8:17 pm

ข้อความยาวน่าจะสลับสีหน่อยนะครับ อ่านลำบากจริงๆ
ขึ้นไปข้างบน Go down
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา   กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา EmptySun Feb 19, 2012 1:55 pm

kasadit พิมพ์ว่า:
ข้อความยาวน่าจะสลับสีหน่อยนะครับ อ่านลำบากจริงๆ

ขอบคุณที่แนะนำครับ ปัญหาย่อหน้าก็มีเหมือนกันครับผมยังไม่รู้จะแก้ไขยังไง เวลาพิมพ์ผมย่อหน้าแต่เวลาส่งไปกลับเป็นชิดขอบแบบที่เห็นนี่แหละครับไม่ยอมย่อหน้าให้
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
arthit

arthit


จำนวนข้อความ : 4
Join date : 18/07/2013
Age : 36

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา   กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา EmptyFri Sep 27, 2013 11:15 pm

Shocked
ขึ้นไปข้างบน Go down
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา   กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา EmptySat Sep 28, 2013 10:07 pm

arthit พิมพ์ว่า:
Shocked
สมัยอาทิตย์นี่ไปไหนกันหว่า
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
 
กระทิงตาพระยากับนกปางสีดา
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
 :: บันทึกการเดินทาง-
ไปที่: