Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

                       ขอเชิญเข้าชมข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติในต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด 


 

 เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น   เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น EmptyThu May 12, 2011 12:17 am

เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น
เช้าตรู่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ชุมนุมรักนก 14 ชีวิตออกเดินทางโดยอีซูซุคู่ยากของประธานชุมนุมซึ่งก็คือผมเอง มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระแก้วโดยมีจุดหมายอยู่ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกปางสีดา เป็นทริปดูนกต่างจังหวัดของปีการศึกษา 2548 ครูนิวรณ์ เพชรรักษ์ยังคงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์เหมือนปีที่แล้วคราวไปแก่งกระจาน ก่อนจะได้ไปลุ้นแทบแย่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือเปล่า เพราะระเบียบการขออนุญาตไปทัศนศึกษาใหม่ไปค้างคืนต้องขออนุญาตถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา สุดท้ายก็ได้รับอนุญาตเฉียดเส้นตายของวันเดินทางพอดี
เราแวะกินอาหารเช้าก่อนถึงสระแก้ว ครูนิวรณ์เจ้าของสวนยางใหญ่เป็นเจ้ามือสำหรับมื้อนี้ เมื่อถึงตลาดสระแก้วใช้เวลาหาซื้อเสบียงกันนานพอสมควร ผมยกให้บรรพตเป็นพ่อครัวใหญ่เลือกซื้อตามใจชอบเพราะเคยเห็นฝีมือกันมาแล้ว ผมเดินตามก้นคอยจ่ายเงินอย่างเดียวแต่มีข้อแม้กับบรรพตว่าถ้าอาหารไม่พอกินสมาชิกทั้งหมดจะรุมประชาทัณฑ์มันแทน ที่ที่เราจะไปพักค้างไม่มีร้านอาหารเรื่องนี้ทราบจากการหาข้อมูลล่วงหน้า ประมาณ 27 กิโลเมตรจากตลาดสระแก้วเวลาล่วงไปใกล้เที่ยงเราจึงเข้าเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกปางสีดาบริเวณที่ทำการอุทยานซึ่งเลยจากนี้ไปประมาณ 800 เมตรขวามือคือน้ำตกปางสีดา
แวะเยี่ยมชมที่ทำการอุทยาน ผมหาซื้อซีดีเพลงเกี่ยวกับป่า บังเอิญลุงต้นไม้หรือชื่อจริงประเสริฐ เรืองกล้า พนักงานพิทักษ์ป่าเจ้าของผลงานเพลงในซีดีมาพบสมาชิกชุมนุมเข้าเลยเดินไปหยิบกีต้าร์คู่ใจยามาฮ่ารุ่นเก๋ากึ๊กมาบรรเลงสดให้ฟังสามเพลงรวด ไพเราะเพราะพริ้งขนาดไหนไม่ต้องวิจารณ์นอกจากขอบคุณเพราะของฟรี
เที่ยงกว่าที่ออกจากอาคารที่ทำการอุทยานเลยอาศัยฝากท้องมื้อกลางวันที่ร้านสวัสดิการ กว่าจะได้กินก็นานทีเดียวเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวทางร้านเลยไม่ได้เตรียมอาหารไว้ ต้องรอหุงข้าวก่อนเล่นเอาแสบท้องไปตามๆกัน จะอาศัยดูนกฆ่าเวลานกก็หนีร้อนไปซุกที่ไหนหมดไม่รู้ แต่อัธยาศัยใจคอของแม่ค้าดีมาก
ออกจากร้านเราแวะชมน้ำตกปางสีดาที่อยู่ใกล้ๆ อนิจจาน้ำตกชื่อดังระดับประเทศเหลือน้ำไหลรินอยู่พอๆกับน้ำจากก๊อกประปา ถ้าผมไม่เคยเห็นน้ำตกเหวนรกแห้งคงจะแปลกใจมากกว่านี้ ไปดีกว่าเพราะจุดหมายของเราไม่ได้อยู่ที่น้ำตก เลยไปอีกนิดเป็นจุดดูผีเสื้อ มีผีเสื้ออยู่ไม่มากนักส่วนใหญ่เป็นพวกผีเสื้อจรกา
ขับรถไปถึงกม.ที่ 5 ซ้ายมือเป็นปากทางเข้าทุ่งหญ้าบุตาปอด ต้องจอดรถและเดินเข้าไป 2 กิโลจึงถึงชายขอบทุ่งหญ้า เราขึ้นไปชมวิวทุ่งหญ้าบนหอดูสัตว์ นึกแปลกใจว่าทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ขนาดนี้น่ะรึเป็นฝีมือหักร้างถางป่าของตาปอดกับตาดีเมื่อหลายสิบปีก่อนซึ่งสมัยนั้นอย่างเก่งก็มีแค่มีดขวานกับเลื่อยเท่านั้นเอง จากจุดนี้ไปเป็นทางเดินเท้าอีก 11 กิโลเมตรจะถึงจุดที่เรียกว่าลานหินดาด เป็นจุดที่มีการพบและวิจัยจระเข้น้ำจืด ซึ่งเราคงไม่มีปัญญาเดินไปแน่ๆ ที่นี่เกิดเรื่องกังวลใจขึ้นมา คือสถิตย์ปวดหัวตัวร้อนทำท่าจะแย่ เดินกลับออกมาถึงรถจึงต้องกลับรถไปขอยาแก้ปวดแก้ไข้ที่ที่ทำการอุทยาน ได้รับการช่วยเหลือด้วยอัธยาศัยใจคอดีมากๆดีกว่าอุทยานใหญ่บางแห่งที่เคยพบ จากนั้นจึงมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายของเราซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 กิโล
ถนนที่เราใช้นั้นเป็นทางลูกรังสภาพพอใช้ได้ เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นถนนสายยุทธศาสตร์ในการปราบปรามผกค. มีโครงการจะตัดไปออกอำเภอครบุรีและอำเภอเสิงสาง แต่ได้รับการคัดค้านจากฝ่ายที่เห็นความสำคัญของป่าและผลเสียของถนนผ่าป่า ถนนจึงหยุดอยู่แค่กม.25 ซึ่งเป็นจุดชมวิวในปัจจุบัน
กม.20เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยน้ำเย็น ซึ่งมีชื่อเป็นทางการว่าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ปางสีดาที่ 5 มีอาคารสำนักงานเล็กๆ บ้านพักเจ้าหน้าที่ ห้องน้ำแยกชาย-หญิง โรงนอน 2 หลัง และลานกางเต็นท์ ห้วยน้ำเย็นเป็นลำห้วยเล็กๆจนต้องทำทำนบกั้นเพื่อให้ระดับน้ำสูงขึ้น น้ำสีออกน้ำตาลสีเดียวกับน้ำลำตะคองแห่งเขาใหญ่ ริมห้วยด้านหลังโรงนอนมีผีเสื้อลงดูดกินเกลือแร่จำนวนมาก เป็นลักษณะที่เรียกว่าโป่งผีเสื้อ
นกที่พบในวันแรกเป็นนกป่าพื้นๆที่พวกเรารู้จักกันดีอยู่แล้วจึงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น นอกจากนกเงือกกรามช้าง(Wreathed Hornbill)ตัวหนึ่งที่บินผ่านมาให้เห็นเท่านั้น ตอนเย็นขับรถไปยังจุดชมวิวกม.25 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเส้นทางถนน มีทางเดินเล็กๆผ่านป่าหญ้าไปอีกไม่รู้ว่าไปสิ้นสุดที่ใด ถนนที่เรายืนอยู่บนไหล่เขามองต่ำลงไปเป็นป่าสมบูรณ์และยอดเขาใหญ่น้อย สวยงามถ้ามองด้วยสายตาของคนรักป่า
จากภาพวาดแสดงทิวทัศน์เบื้องหน้าทำให้ทราบว่ายอดเขาที่อยู่ลึกลงไปนั้นมีน้ำตกแควมะค่าน้ำตกที่ใหญ่และสูงที่สุดของอุทยาน จากข้อมูลอยู่ลึกเข้าไปในผืนป่า 8 กม.จากบริเวณทางลงที่กม.40 แม้จะรู้ว่าไม่มีปัญญาไปแน่ๆแต่ลึกๆแล้วในจิตใจของคนที่เคยแบกสโคปปีนขึ้นน้ำตกเขาสอยดาวชั้นสูงสุดมาแล้วอย่างผม แบบต้องฝ่าป่าไผ่ที่ล้มเพราะพายุแถมยังขวางอยู่ในระหว่างเส้นทางขึ้นเขาที่สูงชันอีกด้วย มันท้าทายความอยากจริงๆ
ดวงอาทิตย์ลับหายไปกับยอดเขาใหญ่ เราเดินทางกลับลานกางเต็นท์ ระหว่างทางที่ค่อนข้างขรุขระเพราะร่องรอยจากน้ำฝนที่ผ่านมา เสียง อี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆดังลั่น ผมเหยียบเบรกหยุดกะทันหัน ใจเสียเหมือนกันถ้ารถเสียกลางป่าลึกอย่างนี้
“เสียงอะไรวะ” เงียบทั้งกระบะหลัง ครูนิวรณ์ลงจากรถไปดูด้านหน้าขณะที่ผมค่อยๆขยับรถทดสอบ
“ครูครับ ล้อหน้ามันเบี้ยวๆครับ” เสียงใครไม่รู้ดังมาจากกระบะหลัง
“เบี้ยวพ่อมึงซิ” อีกเสียงหนึ่งขัดขึ้น ดังมาจากด้านหน้ารถ
ตกลงสรุปจากครูนิวรณ์รถเป็นปกติไม่เป็นอะไรเลย สอบไปสอบมาเป็นเสียงจากการเป่าปากของคุณ(ไอ้)ต้น นิรุตน์ พลดงนอก อดีตกัปตันทีมฟุตบอลตัวแทนจังหวัดตราด รุ่นอายุ 12 ปี รายการฟุตบอลเยาวชนประชาชนชิงแชมป์ประเทศไทย รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยที่กรุงเทพฯ อึ้งไปเลย แล้วทั้งมันทั้งเพื่อนๆก็นั่งเงียบไม่บอกไม่กล่าวตอนที่ผมหยุดรถ ครูนิวรณ์ลงไปดูรถ กระทืบหมกป่าซะดีมั้ยนี่
ค่ำคืนที่ลานกางเต็นท์พวกเราออกเดินส่องสัตว์กลางคืนด้วยไฟฉายของแต่ละคน ไม่พบอะไรเลยแม้แต่อีเห็น กลับไปนอนท่ามกลางความเงียบสงัด คืนนี้มีเพียงคณะของเราและเจ้าหน้าที่อุทยานอีกเพียงสองคนเท่านั้น เป็นผลเสียด้านจิตใจและกระเพาะปัสสาวะพอสมควรสำหรับพวกตาแหกไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
เช้า 25 ก.พ. 49 หลังจากตื่นตั้งแต่เช้ามืดตามประสานักดูนก วนเวียนดูนกใกล้ๆลานกางเต็นท์นั่นแหละไม่ไปไหนด้วยเหตุผลหลักคือรอน้ำเดือดชงกาแฟ
“ครูครับ ผมเห็นติ๊ดสุลต่าน” คุณ(ไอ้)ต้นแจ้งข่าว
“ไอ้โม้” ผมว่ามันโดยไม่ต้องคิด เมื่อวานก็แหกตาผ่องทีนึงแล้ว
“จริงๆครับ ถามครูนิวรณ์ดูก็ได้” แน่ะ มีการอ้างพยาน
“เฮ้ย ครูไม่รู้เรื่องด้วยนะโว้ย” นิวรณ์ไม่ยอมรับมุขเล่นเอาเจ้าต้นหงุดหงิด
พูดถึงติ๊ดสุลต่าน(Sultan Tit) ปีที่แล้วพวกเราตั้งใจจะหามันให้เจอที่แก่งกระจาน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ เด็กๆชุมนุมลองถามเจ้าหน้าที่อุทยานตรงศาลาด่านกั้นรถขึ้นลงพะเนินทุ่ง
“น้าๆ มีนกติ๊ดสุลต่านมั้ยแถวๆนี้” เจ้าเล็กถาม
“มี เห็นทุกวันแหละ” ตอบขณะวางฟอร์มเล็งกล้องที่ติดเล็นท์เทเลโฟโต้
“ทำไมวันนี้ไม่เห็นมีเลยล่ะ”
“วันนี้วันหยุดราชการ นกมันถึงไม่ออกมา” ดูน้าเขาตอบ
“โหน้า เล่นมุขนี้เลยเรอะ” เจ้าเล็กว่า ในใจมันคงนึกอยากทำอย่างอื่นด้วย
ด้วยเหตุที่เคยตามหากันมาแล้วจึงนึกไว้ก่อนว่ามันจะมาอำ เพื่อนฝูงจึงไม่มีใครเชื่อ แต่แล้วช่วงสายๆต้นไม้ที่อยู่ติดกับโรงนอนแรกไม่รู้จักชื่อแต่กำลังมีลูกสุกเต็มต้น เจ้านกสองสามตัวนั่นที่กำลังกินลูกอยู่ ตัวมันสีดำแต่ท้องเหลือง และที่สำคัญหงอนสีเหลืองบนหัวของมันที่ตั้งขึ้นบ้างหุบลงบ้างในบางจังหวะ
“ติ๊ดสุลต่าน” หลายเสียงร้องขึ้นพร้อมๆกัน
“เบ็กแฮ่ม” ไอ้นี่แทรกขึ้นมา เสียงใครไม่รู้
“ผมบอกแล้ว ครูไม่เชื่อผม” เจ้าต้นได้ที
ผมติดใจเสียงเรียกเบ็กแฮ่มมากกว่าเสียงเจ้าต้น มองลักษณะหงอนมันแล้วเด็กๆส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักฟุตบอลรุ่น 14 ปีของโรงเรียนจึงคิดไปถึงทรงผมของเบ็กแฮ่มสมัยไว้ตั้งเป็นสันกลางกบาลยังไงยังงั้น
เบ็กแฮ่มเป็นนกตัวแรกและเป็นหนึ่งในสามตัวที่เป็นนกใหม่ของผมในทริปนี้
หลังดูไอ้เบ็กแฮ่มจนเบื่อแล้วเพราะมันไม่ยอมไปไหน ผมชวนสมาชิกรุ่นกวนเกือกลงไปในเส้นทางน้ำตกห้วยน้ำเย็น มีพวกปีกกล้าขาแข็งสี่คนขอแยกตัวไปทางอื่นนำโดยเจ้าพตพ่อครัวใหญ่ น้ำตกห้วยน้ำเย็นที่เห็นเป็นน้ำตกเล็กๆ เล็กกว่าน้ำตกสลัดไดที่บ้านผมเสียอีก ในเส้นทางไม่ค่อยมีนกให้เห็นนอกจากเสียงคุ้นหูของเจ้าฌามา เดินไปออกทางออกอีกด้านหนึ่งที่ต้องไต่เนินลงไปหาถนน ผิดกับด้านขาเข้าที่ต้องไต่ขอบถนนลงไปหาเส้นทางเดิน
ความจริงเราก็เห็นนกกันเยอะแต่เนื่องจากสมาชิกชุดนี้ดูนกกันมาสองสามปีแล้ว และนกที่ห้วยน้ำเย็นก็ไม่ค่อยต่างจากนกเขาสอยดาวที่เราคุ้นเคยหรือนกที่หนองบอนบ้านเรา จึงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น กลับมาบริเวณลานกางเต็นท์อีกครั้ง และแล้วดาราเด่นที่ได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ที่ปางสีดาในวันแรกที่มาถึงก็ปรากฎตัวให้เห็นบริเวณต้นไม้หลังห้องน้ำชาย รูปทรงเดียวกับนกขุนแผนหัวแดงที่เคยเห็นมาหลายครั้งแต่ ต่างกันที่สีตลอดลำตัว
“ขุนแผนอกสีส้ม” ผมบอกตัวเองในทันทีและส่งสัญญาณมือเรียกสมาชิกที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาดู
เด็กยังไงก็เป็นเด็กวันยังค่ำ ไอ้เรื่องที่จะค่อยๆขยับเข้ามาไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตของนกแบบนักดูนกมืออาชีพไม่มีเสียหรอก เห็นสัญญาณที่ผมเรียกสองสามคนรีบวิ่งเข้ามา แต่ขุนแผนอกสีส้ม(Orange-breasted Trogon)ตัวนั้นก็ไม่ยักแตกตื่นบินหนี กลับสยายหางกางออกสไตล์เขานั่นแหละโชว์อีกต่างหาก และตัวที่สองก็โผล่มาให้เห็นอีกตัวหนึ่ง นี่ก็เป็นนกใหม่ชนิดที่สองของผมในทริปนี้
ว่าเจ้าขุนแผนอกสีส้มไม่แตกตื่นคนแล้ว เจ้านี่หนักกว่าอีก ใกล้ๆบริเวณที่พบขุนแผนอกสีส้มคู่นั้น เวลาบ่ายหลังอาหารกลางวันที่ต้นกฤษณาหรือไม้หอม คุณคักคูมรกต(Asian Emerald Cuckoo)เพศเมียตัวหนึ่งลงโซ้ยหนอนผีเสื้อที่ใบอ่อนกฤษณาอย่างไม่สนใจใคร เด็กก็รุมดูกัน ผมยกสโคปไปตั้งใกล้ๆและจ่อถ่ายภาพมันด้วยกล้องดิจิตอลของSonyได้ภาพมาชัดเจนพอใช้ เธอก็ยังไม่หนีจนคนดูต้องหนีออกมาเอง
ยามบ่ายร้อนๆอย่างนี้นกย่อมน้อยเป็นปกติ ผมจึงหลบมุมไปนั่งดูผีเสื้อที่โป่งผีเสื้อด้านหลังโรงนอนซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้พร้อม สโคป ไบนอก คู่มือดูนก คู่มือดูผีเสื้อวางอยู่อย่างพร้อมเพรียงข้างหน้าผม เจ้าต้นเจ้าเล็กตามมานั่งด้วย ผีเสื้อจำนวนมากที่ลงโป่งนั้นบางชนิดผมเพิ่งเคยเห็นและจำแนกได้ เช่น ผีเสื้อหางดาบลายขีด(Chain Swordtail) ผีเสื้อหางดาบธรรมดา(Fivebar Swordtail) และเจ้าตัวที่ผมประทับใจเป็นตัวแรกในการดูผีเสื้อที่เขาสอยดาวหลายปีมาแล้วคือผีเสื้อหางติ่งปารีส(Paris Peacock)ก็มี
การอยู่ริมห้วยยามบ่ายอย่างนี้ที่โอกาสที่จะได้รับคือการได้ดูนกอาบน้ำ มีนกหลายตัวมาโชว์การอาบน้ำให้ชม การโฉบลงน้ำและบินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้สยายขนแต่งขนช่างมีความสุขจนมนุษย์สามคนไม่กล้าจะส่งเสียงรบกวน จนกระทั่ง
“ครูครับ ตัวนั้นนกอะไรครับ” เจ้าต้นถาม
“ไม่รู้ว่ะ” ผมตอบตามตรง นกอะไรไม่รู้สีเทาๆ สะโพกขาว ขอบตาดำเหมือนใส่หน้ากา ไม่เคยเห็นมาก่อน แถมขนยังอยู่ในสภาพเปียกน้ำเช่นนี้ใบ้รับประทาน
นกตัวนั้นสร้างความสงสัยให้อีกไม่นาน ตัวที่ไม่เปียกน้ำก็ปรากฏโฉมมาให้เห็นบ้าง คราวนี้สังเกตเห็นได้ถึงสีขนปีกและหางเป็นสีน้ำตาล คอ อก และท้องสีค่อนไปทางขาวนวล ตอนนี้มีสมาชิกมาร่วมวงอีกสามคน ผมเลยยกคู่มือดูนกให้พวกสายตาและสมองวัยรุ่นเปิดหากันเอง ดูกันตั้งแต่ริมน้ำจนกลับไปที่เต็นท์ยังสรุปกันไม่ได้ แถมเจ้านกชนิดนั้นยังมาบินเข้าบินออกพุ่มไม้สูงใกล้ๆให้ได้เห็นอีก
“ผมว่าไอ้ตัวนี้แหละเหมือนที่สุดแล้ว” เสียงเจ้ามิวผู้รักษาประตูมือดีของทีมโรงเรียนว่า
เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดู ผมแทบจะยันมันออกจากวง เวรเอ๊ย ตัวที่มันชี้น่ะ นกไต่ไม้ใหญ่ที่มีเฉพาะภาคเหนือ มันดูจากหน้ากากและสีขาวของส่วนท้องเท่านั้น รำคาญเข้าผมเลยหยิบคู่มือดูนกมานั่งเปิดหาเอง และแล้วเมื่อเปิดมาถึงนกเฉี่ยวดงหางสีน้ำตาล(Large Wood-shrike)ก็ดีดนิ้วเปาะสรุปได้เลย และนั่นก็คือนกชนิดใหม่ตัวที่สามของผมในทริปนี้
นกชนิดที่สร้างความเซอร์ไพร์ให้กับผมเมื่อส่องเจอ คือนกกระจอกบ้าน ด้วยในกลางป่า 20 กว่ากิโลอย่างนี้ยังอุตส่าห์มีมันอีกหรือนี่ ก็ไอ้เจ้านี่มันนกเมืองนี่นา
นอกจากนกใหม่ที่พบในวันนี้แล้ว ที่มาใหม่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนผมตกใจคือจำนวนนักท่องเที่ยว เกือบเย็นลานกางเต็นท์ที่เมื่อคืนมีเพียงคณะของเราเท่านั้น ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาหลายเต็นท์จนเต็มลาน มากันเป็นคณะสี่ห้าคนก็มี มากันสองคนหนุ่มสาวก็มี
“คืนนี้มีรายการเต็นท์สั่น” ไอ้คุณเล็กแสดงความปากสุนัข ขณะที่ผมคาดว่าคืนนี้คงมีรายการไม่เพลงเพื่อชีวิตก็ตะเบ็งเสียงคุยเรื่องของพวกตัวเองให้ชาวบ้านใกล้เคียงฟัง
และแล้วเป็นไปตามคาดหมาย เต็นท์ที่อยู่ติดกับผมช่องว่างระหว่างเต็นท์เขากับเต็นท์ผมกลายเป็นวงเหล้าเสียงดังลั่นอย่างสะกดคำว่าเกรงใจใครไม่เป็น ดีที่ผมเป็นคนสามารถหลับได้ท่ามกลางเสียงดังที่ไม่น่าสนใจ จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไร บางครั้งนอนขำกับความขี้โม้ของพวกเขาเสียอีกก่อนจะหลับ
26 ก.พ. 49 ตื่นเช้ามาดูนก มีผู้สนใจมาขอดูด้วยคนหนึ่งสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด วัยกลางคนค่อนไปทางใกล้ชราเดินตามเจ้าเล็กเจ้าต้นที่ใช้สโคป ผมหลบไปอีกทางเพราะสังหรณ์ว่าจะรู้ว่าเขาคือใคร
“พี่เสริฐ เดี๋ยวเด็กมันก็เหม็นเอาหรอก น้ำก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มาอาบน้ำ”เสียงพรรคพวกของเขาร้องแซวมาจากเต็นท์
“ขอดูนกกับเด็กก่อน นกสวยจังเลยว่ะ ไอ้หนูนั่นนกอะไรสีแดงทั้งตัวเลย” เสียงของเขาคุ้นๆหู เสียงคนที่ดังกว่าใครจากวงเหล้าติดกับเต็นท์ของผมเมื่อคืนนั่นเอง แหม ตื่นเช้าได้เหมือนกันนะพ่อเจ้าประคุณ แถมยังโชคดีดูนกครั้งแรกก็เจอดาราหน้าปกเบิร์ดไกด์ของหมอบุญส่งเสียด้วย เจ้าของขนสีแดงผสมดำ นกพญาไฟใหญ่(Scarlet Minivet)ตัวผู้นั่นเอง
สายหลังจากอาหารเช้าเต็นท์ต่างๆทยอยกันเก็บกลับไปพร้อมกับรถของพวกเขา ลานกางเต็นท์กลับมาสู่ความเงียบเหงาเหมือนวันแรกที่พวกผมมาถึง สมาชิกชุมนุมรักนกปฏิบัติเหมือนทุกครั้งที่ไปพักตามที่ต่างๆ คือนอกจากเต็นท์แล้วยังช่วยกันเก็บเศษขยะทั่วบริเวณลานกางเต็นท์ใส่ถุงดำเพื่อนำออกไปทิ้งถังขยะข้างนอก และทำความสะอาดห้องน้ำ เกือบเพลเราจึงออกจากห้วยน้ำเย็นหลังจากผมไปวนเวียนอยู่หลังโรงนอนด้วยความหวังจะเจอนกแซวสวรรค์ตามที่วันแรกเจ้าหน้าที่อุทยานได้บอกไว้ว่าเคยพบแถวนี้ จนวินาทีสุดท้ายก็แห้ว
เที่ยงกว่าพวกเราแวะกินอาหารกลางวันหลังจากเลยตลาดสระแก้วออกมาแล้ว ด้วยความที่ครูนิวรณ์เป็นคอการเมืองเช่นเดียวกับผมจึงสอบถามข่าวกับเด็กหนุ่มในร้านซึ่งน่าจะเป็นลูกชายเจ้าของร้าน
“ยุบสภาแล้วพี่”
...................................................

ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
kruwasan
Admin
kruwasan


จำนวนข้อความ : 2307
Join date : 30/04/2011

เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น   เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น EmptyThu May 12, 2011 10:19 pm

พอมีรูปเบ็คแฮมบ้างมั้ย....ลงภาพประกอบด้วยนะเพ่.....
ตุ๋ยเอง
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://nongbonbird.thai-forum.net
 
เบ็กแฮ่มแห่งห้วยน้ำเย็น
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
 :: บันทึกการเดินทาง-
ไปที่: